ตัวบ่งชี้ที่ 5.2 การบริหารของคณะเพื่อการกำกับติดตามผลลัพธ์ตามพันธกิจ 
กลุ่มสถาบันและเอกลักษณ์ของคณะ

ปีที่ประเมิน 2562
ผู้ดูแลตัวบ่งชี้ : วีระยุทธ มั่งคั่ง , สุภาพร อามาตย์ , มณีรัตน์ ปราศจาก , วนัสนันท์ งวดชัย , ทิฆัมพร เพทราเวช , ฐิติมา เกษมสุข
ชนิดตัวบ่งชี้ : กระบวนการ
คำอธิบายตัวบ่งชี้

คณะมีพันธกิจหลัก คือ การเรียนการสอน การวิจัย การบริการทางวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม ในการดำเนินพันธงานตามกิจหลัก แต่ละคณะจำเป็นต้องมีการจัดทำแผนเพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาและการดำเนินงานของคณะให้สอดคล้องกับเป้าหมาย ตลอดจนมีการบริหารทั้งด้านบุคลากร การเงิน ความเสี่ยงและการประกันคุณภาพการศึกษา เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามพันธกิจหลักให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล คำนึงถึงความหลากหลายและความเป็นอิสระทางวิชาการ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ยืดหยุ่น คล่องตัว โปร่งใสและตรวจสอบได้

เกณฑ์การประเมิน
คะแนน 1 คะแนน 2 คะแนน 3 คะแนน 4 คะแนน 5
มีการดำเนินการ 1 ข้อ มีการดำเนินการ 2 ข้อ มีการดำเนินการ 3 - 4 ข้อ มีการดำเนินการ 5 - 6 ข้อ มีการดำเนินการ 7 ข้อ
เกณฑ์มาตรฐาน
ระดับ เกณฑ์มาตรฐาน ดำเนินการ
1 พัฒนาแผนกลยุทธ์จากผลการวิเคราะห์ SWOT โดยเชื่อมโยงกับวิสัยทัศน์ของคณะและสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของคณะ สถาบัน รวมทั้งสอดคล้องกับกลุ่มสถาบันและเอกลักษณ์ของคณะและและพัฒนาไปสู่แผนกลยุทธ์ทางการเงินและแผนปฏิบัติการประจำปีตามกรอบเวลาเพื่อให้บรรลุผลตามตัวบ่งชี้และเป้าหมายของแผนกลยุทธ์และเสนอผู้บริหารระดับสถาบันเพื่อพิจารณาอนุมัติ
2 ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินที่ประกอบไปด้วยต้นทุนต่อหน่วยในแต่ละหลักสูตร สัดส่วนค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนานักศึกษา อาจารย์ บุคลากร การจัดการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง เพื่อวิเคราะห์ความคุ้มค่าของการบริหารหลักสูตร ประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในการผลิตบัณฑิต และโอกาสในการแข่งขัน
3 ดำเนินงานตามแผนบริหารความเสี่ยง ที่เป็นผลจากการวิเคราะห์และระบุปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยภายนอก หรือปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ที่ส่งผลต่อการดำเนินงานตามพันธกิจของคณะและให้ระดับความเสี่ยงลดลงจากเดิมอย่างน้อย 1 เรื่อง
4 บริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาลอย่างครบถ้วนทั้ง 10 ประการที่อธิบายการดำเนินงานอย่างชัดเจน
5 ค้นหาแนวปฏิบัติที่ดีจากความรู้ทั้งที่มีอยู่ในตัวบุคคล ทักษะของผู้มีประสบการณ์ตรง และแหล่งเรียนรู้อื่นๆ ตามประเด็นความรู้ อย่างน้อยครอบคลุมพันธกิจด้านการผลิตบัณฑิตและด้านการวิจัย จัดเก็บอย่างเป็นระบบโดยเผยแพร่ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรและนำมาปรับใช้ในการปฏิบัติงานจริง
6 การกำกับติดตามผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารและแผนพัฒนาบุคลากรสายวิชาการและสายสนับสนุน
7 ดำเนินงานด้านการประกันคุณภาพการศึกษาภายในตามระบบและกลไกที่เหมาะสมและสอดคล้องกับพันธกิจและพัฒนาการของคณะที่ได้ปรับให้การดำเนินงานด้านการประกันคุณภาพเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารงานคณะตามปกติที่ประกอบด้วย การควบคุมคุณภาพ การตรวจสอบคุณภาพ และการประเมินคุณภาพ
ผลการดำเนินงาน
ตนข้อเกณฑ์ผลการดำเนินงานหลักฐาน
1 พัฒนาแผนกลยุทธ์จากผลการวิเคราะห์ SWOT โดยเชื่อมโยงกับวิสัยทัศน์ของคณะและสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของคณะ สถาบัน รวมทั้งสอดคล้องกับกลุ่มสถาบันและเอกลักษณ์ของคณะและและพัฒนาไปสู่แผนกลยุทธ์ทางการเงินและแผนปฏิบัติการประจำปีตามกรอบเวลาเพื่อให้บรรลุผลตามตัวบ่งชี้และเป้าหมายของแผนกลยุทธ์และเสนอผู้บริหารระดับสถาบันเพื่อพิจารณาอนุมัติ

      คณะฯ ได้จัดประชุมเพื่อทบทวนแผนกลยุทธ์ คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีดังหลักฐานที่ 5.2-1(1) โดยให้มีความเชื่อมโยงกับวิสัยทัศน์ของคณะฯ “คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีเป็นองค์กรการศึกษาด้านบริหารธุรกิจที่มีคุณภาพผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ มีคุณค่า และรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน โดยยึดหลักธรรมาภิบาล” และสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัย “มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ  เป็นศูนย์กลางการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพบนพื้นฐานการวิจัยและสร้างสรรค์ภูมิปัญญาร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน”

          รวมถึงนำผลการประเมินคุณภาพการศึกษาจาก คณะกรรมการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษาจากปีการศึกษา 2561  ดังหลักฐานที่ 5.2-1(2) ซึ่งได้ให้ข้อเสนอแนะในระดับหลักสูตร โดยให้หลักสูตรพิจารณาดำเนินการกำหนดผู้รับผิดชอบการดำเนินการในแต่ละประเด็นตามเกณฑ์ตัวบ่งชี้การประกันคุณภาพหลักสูตรให้ชัดเจน โดยหลักสูตรจะต้องกำหนดอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรให้ครบ ถ้วนตามองค์องค์ประกอบและหากหลักสูตรใดมีการเปลี่ยนแปลงอาจารย์ประจำหลักสูตรก็ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนจะมีการปรับปรุงหลักสูตรในปลายปีนี้ และให้หลักสูตรได้วางแผนการดำเนินในปีการศึกษา 2562 โดยจะต้องมีการกำหนดเป้าหมายการดำเนินงานให้ชัดเจนและมีการกำกับติดตามโดยคณะเพื่อให้มีการดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ ส่วนระดับคณะนั้น คณะกรรมการได้ให้ข้อเสนอแนะ โดย ควรส่งเสริมให้นักศึกษามีการพัฒนาทักษะด้านคอมพิวเตอร์ การคิดวิเคราะห์ และด้านภาษาอังกฤษของอาจารย์และนักศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีการศึกษา 2562 คณะได้ส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานเพื่อพัฒนานักศึกษาและอาจารย์ในโครงการส่งเสริมทักษะด้านภาษาอังกฤษให้กับนักศึกษา และโครงการส่งเสริมทักษะด้านดิจิทัลให้กับนักศึกษา เพื่อให้นักศึกษามีความรู้และทักษะก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาเพื่อออกสู่ตลาดแรงงานและตรงตามความต้องการของสถานประกอบการและโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงไป  และในระดับคณะฯ คณะกรรมการได้ให้ข้อเสนอแนะว่า คณะควรหาแนวทางการเพิ่มสัดส่วนของอาจารย์ที่ดำรงตำแหน่งทางวิชาการให้อยู่ในอัตราที่สูงขึ้น โดยคณะได้นำจุดอ่อนนี้มาวิเคราะห์สภาพแวดล้อม (SWOT) เพื่อการวางแผนปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์โดยการส่งเสริมและกระตุ้นให้อาจารย์มีการขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นโดยคณะฯ โดยในปีงบปะมาณ 2563 คณะฯได้ส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณในการจัดทำโครงการพัฒนาบุคลากรและโครงการสนับสนุนการวิจัย

     นอกจากนั้นในส่วนที่เป็นจุดแข็งก็ได้มีการพัฒนาเพิ่มเติมโดยจัดให้มีกิจกรรมเสริมการเรียนทั้งในหลักสูตรและนอกหลักสูตร โดยคณะฯ ได้ส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณให้นักศึกษาและอาจารย์ได้เข้าร่วมการแข่งขันทางวิชาการและวิชาชีพกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และในระดับหลักสูตรคณะได้เปิดหลักสูตรใหม่ร่วมกับบริษัทซีพีออล์ จำกัด(มหาชน) ได้แก่ หลักสูตรการจัดการค้าสมัยใหม่ โดยเปิดรับนักศึกษาในปีการศึกษา 2563 และได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก สกอ. ในการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ ให้เป็นหลักสูตรบูรณาการกับการทำงาน(WIL) อีกทั้งได้ทำความร่วมมือกับเครือข่ายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในการจัดการศึกษาร่วมกันในลักษณะของการจัดการศึกษาแบบสหกิจศึกษา ได้แก่ บริษัท บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด และบริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) นอกจากนั้นก็ได้นำแผนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฯ มาเป็นแนวทางในการทบทวนโดยเพิ่มพันธกิจของคณะฯ และส่งผลต่อการจัดทำแผนกลยุทธ์ทางการเงิน ดังหลักฐานที่ 5.2-1(3) และแผนปฏิบัติงานในการดำเนินงานโครงการ / กิจกรรมในปีงบประมาณ 2563 ดังหลักฐานที่ 5.2-1(4) เสนอต่อคณะกรรมการบริหารคณะ ดังหลักฐานที่ 5.2- 1(5) เสนอต่อการประชุมกรรมการประจำคณะ ดังหลักฐานที่ 5.2-1(6)

2 ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินที่ประกอบไปด้วยต้นทุนต่อหน่วยในแต่ละหลักสูตร สัดส่วนค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนานักศึกษา อาจารย์ บุคลากร การจัดการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง เพื่อวิเคราะห์ความคุ้มค่าของการบริหารหลักสูตร ประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในการผลิตบัณฑิต และโอกาสในการแข่งขัน

        คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานการวิเคราะห์ต้นทุนต่อหน่วย ปีการศึกษา 2562 5.๒-2(1) เพื่อดำเนินการวิเคราะห์ความคุ้มทุนทางการเงินด้วยต้นทุนต่อหน่วยระดับหลักสูตรที่สังกัดคณะเพื่อวิเคราะห์ความคุ้มค่าของการบริหารหลักสูตร โดยยึดถือตามนโยบายของมหาวิทยาลัยตามคู่มือรายงานต้นทุนต่อหน่วยและความคุ้มค่าของหลักสูตรมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ 5.๒-2(2) เพื่อเป็นข้อมูลกลางให้กับทุกหลักสูตรในมหาวิทยาลัยและให้ทุกหลักสูตรใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ต้นทุนให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี จึงได้นำข้อมูลดังกล่าวมาเป็นพื้นฐานในการวิเคราะห์ข้อมูลความคุ้มทุนในหลักสูตรที่สังกัดคณะฯโดยวิเคราะห์ความคุ้มทุนเฉพาะหลักสูตรระดับปริญญาตรี 7 หลักสูตร โดยการวิเคราะห์ทั้งจากต้นทุนทางตรง ต้นทุนทางอ้อม ต้นทุนรวมพร้อมกันนี้ยังได้วิเคราะห์จากปัจจัยต่างๆที่จะส่งผลไม่ว่าจะเป็นต้นทุนคงที่ ต้นทุนผันแปรและต้นทุนรวมในการผลิตบัณฑิตของคณะฯ จากการวิเคราะห์ต้นทุนต่อหน่วยการผลิตบัณฑิตและความคุ้มค่าของการบริหารหลักสูตร ประจำปีการศึกษา 2562 พบว่ามีความคุ้มค่า 7 หลักสูตร คิดเป็นร้อยละ100 5.๒-2(3) ประสิทธิภาพในการผลิตบัณฑิต จากการประเมินหลักสูตรพบว่าทั้ง 7 หลักสูตร มีผลคะแนนอยู่ในระดับดี มีอัตราการสำเร็จของนักศึกษาเพิ่มขึ้น 5.๒-2(3)  ประสิทธิผลในการผลิตบัณฑิต ในปีการศึกษา 2562 คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มีจำนวนผู้สำเร็จการศึกษา 412 คน มีจำนวนบัณฑิตที่มีงานทำ คิดเป็นร้อยละ 82.52 5.๒-2(3) โอกาสในการแข่งขัน คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีมีค่าธรรมเนียมวิชาชีพเทอมละ 1,000 บาท และค่าเทอม เทอมละ 8,000 บาท ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับสถาบันการศึกษาที่อยู่ใกล้เคียงแล้วคณะบริหารธุรกิจและการบัญชีมีค่าธรรมเนียมการศึกษาที่ต่ำกว่า ส่งผลต่อโอกาสที่นักเรียนจะเลือกศึกษาต่อในคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี 5.๒-2(3)

3 ดำเนินงานตามแผนบริหารความเสี่ยง ที่เป็นผลจากการวิเคราะห์และระบุปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยภายนอก หรือปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ที่ส่งผลต่อการดำเนินงานตามพันธกิจของคณะและให้ระดับความเสี่ยงลดลงจากเดิมอย่างน้อย 1 เรื่อง

3. ดำเนินงานตามแผนบริหารความเสี่ยง ที่เป็นผลจากการวิเคราะห์และระบุปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยภายนอก หรือปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ที่ส่งผลต่อการดำเนินงานตามพันธกิจของคณะ และให้ระดับความเสี่ยงลดลงจากเดิม

          คณะมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการการบริหารความเสี่ยง (5.2 – 3(1)) ประกอบด้วยคณบดี รองคณบดี ประธานหลักสูตร ตัวแทนอาจารย์ หัวหน้าสำนักงาน และเจ้าหน้าที่ คณะ ทำหน้าที่วิเคราะห์และระบุความเสี่ยง ประเมินโอกาสและผลกระทบ โดยมีการประชุมเพื่อทำการวิเคราะห์ความเสี่ยง ตามรูปแบบการวิเคราะห์ความเสี่ยงที่จำแนกปัจจัย ความเสี่ยงตามเป้าประสงค์ของมหาวิทยาลัย จากนั้น คณะมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินกิจกรรมควบคุมความเสี่ยง (รอบ 6 เดือน) มาจัดทำรายงานนำเสนอ เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการประจำคณะในการประชุมครั้งต่อไป เพื่อนำข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการประจำคณะ มาปรับใช้เป็นแนวทางในการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงคณะ ในปีต่อไป

          ตามมติที่ประชุมเห็นชอบประเด็นความเสี่ยง จำนวน 5 ประเด็น ซึ่งได้ดำเนินการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในดังนี้

          3.1 ปัจจัยภายนอก ได้แก่ จำนวนนักศึกษามีแนวโน้มลดลงและไม่เป็นไปตามแผนการรับสมัครนักศึกษาที่วางไว้

          3.2 ปัจจัยภายใน ได้แก่ 1) บทความวิจัยบทความวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ใน ฐาน TCI 1 และ TCI 2 มีน้อย  2) นักวิจัยหน้าใหม่ขาดความชำนาญในการยืนขอทุนวิจัยภายนอกและการตีพิมพ์ 3) บุคลากรขาดทักษะด้านภาษาอังกฤษ ตามเกณฑ์มาตรฐาน สกอ.  4) งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรลดลง

          จากการดำเนินงานตามแผนบริหารความเสี่ยง ที่เป็นผลจากการวิเคราะห์และระบุปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยภายนอก หรือปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ที่ส่งผลต่อการดำเนินงานตามพันธกิจของคณะ ดังนี้

          3.1 ปัจจัยภายนอก ได้แก่ จำนวนนักศึกษามีแนวโน้มลดลงและไม่เป็นไปตามแผนการรับสมัครนักศึกษาที่วางไว้

               เป้าหมาย

               ปัจจัยเสี่ยงด้านจำนวนนักศึกษามีแนวโน้มลดลงและไม่เป็นไปตามแผนการรับสมัครนักศึกษาที่วางไว้ มีระดับความเสี่ยงลดลง

               ตัวชี้วัด

               จำนวนนักศึกษาเป็นไปตามแผนการรับสมัครนักศึกษาที่วางไว้

          ระบบและกลไก

               คณะกรรมการบริหารคณะฯ ได้พิจารณาดำเนินการประชาสัมพันธ์การรับสมัครนักศึกษาตามระบบและกลไกตามประกาศของมหาวิทยาลัย ซึ่งคณะฯ มีระบบและกลไกในการประชาสัมพันธ์ในการรับนักศึกษา ดังนี้

               1. คณะฯ มีการประชุมเพื่อแจ้งให้แต่ละหลักสูตรกำหนดเป้าหมายการรับนักศึกษา โดยให้แต่ละหลักสูตรพิจารณาตามข้อกำหนดใน มคอ.2 และข้อกำหนดอื่น ๆ ได้แก่ ความต้องการของตลาดแรงงาน สัดส่วนของอาจารย์ต่อนักศึกษา และคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิ

               2. คณะฯ มอบหมายให้แต่ละหลักสูตรเสนอกลุ่มนักศึกษาเป้าหมาย โรงเรียนเป้าหมาย ให้กับคณะกรรมการบริหารคณะฯ โดยให้พิจารณาผลการดำเนินงานในปีการศึกษา 2561 มาปรับใช้

               3. คณะฯ ร่วมกับแต่ละหลักสูตรและมหาวิทยาลัย ดำเนินการประชาสัมพันธ์การรับสมัครนักศึกษา รายละเอียดของหลักสูตร ให้มีการระบุรายละเอียดการรับสมัคร ซึ่งคณะฯ และหลักสูตรทำการประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ โดยคณะฯ ทำการดูแลกำกับและติดตามผล

               4. คณะฯ มอบหมายให้แต่ละหลักสูตรสำรวจความพึงพอใจและข้อคิดเห็นของนักศึกษาที่มีต่อระบบการรับนักศึกษาและการประชาสัมพันธ์ โดยคณะฯ ทำการดูแลกำกับและติดตามผล

               5. คณะฯ มอบหมายให้อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร ทบทวน/ประเมินกระบวนการรับนักศึกษา การประชาสัมพันธ์ เปรียบเทียบผลที่ได้กับแผนการรับนักศึกษาและคุณสมบัติที่หลักสูตรกำหนด โดยคณะฯ ทำการดูแลกำกับและติดตามผล

               6. คณะฯ มอบหมายให้อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรนำผลการทบทวนการดำเนินงานมาพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการรับนักศึกษา พร้อมทั้งเสนอต่อคณะกรรมการบริหารคณะฯ เพื่อทำการร่วมกันพัฒนาปรับปรุงต่อไป

         จากการทบทวนกระบวนการรับนักศึกษาในปี การศึกษา 2561 ที่ผ่านมา พบว่า จำนวนนักศึกษาที่รายงานตัวขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษาใหม่ในปีการศึกษา 2562 นั้นมีจำนวน 285 คน จากแผนรับทั้งหมด 490 คน  คิดเป็นร้อยละ 58.16 ตามหลักฐานที่ 5.2 – 3(2) ซึ่งไม่เป็นไปตามแผนการรับนักศึกษา จึงได้ปรับกลยุทธ์ในการรับนักศึกษาใหม่ ดังนี้

 

          การนำระบบกลไกไปสู่การปฏิบัติ/ดำเนินงาน

         ในปีการศึกษา 2562 ได้ดำเนินการตามแผนและกระบวนการประชาสัมพันธ์การรับนักศึกษาโดยมีการนำไปสู่การปฏิบัติ ดังนี้

         1. คณะฯ เสนอแผนรับนักศึกษา ประจำปีการศึกษา 2562 ต่อสภามหาวิทยาลัย ซึ่งมีแผนรับ จำนวน 320 คน (5.2 – 3(3))

         2. คณะฯ ร่วมกับแต่ละหลักสูตรและมหาวิทยาลัย ดำเนินการประชาสัมพันธ์การรับสมัครนักศึกษา รายละเอียดของหลักสูตร ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้แก่

             1) การแนะแนวการศึกษายังสถานศึกษา  หมู่บ้าน และชุมชนเป้าหมาย  โดยให้ทุกสาขาวิชามีส่วนร่วม โดยเชิญอาจารย์และนักเรียนเข้าร่วม เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สาขาวิชา คณะ และมหาวิทยาลัย (5.2 – 3(4))

             2) การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น Facebook Fanpage คณะฯ / สาขาวิชา LINE เป็นต้น

             3) การสร้างเครือข่ายครูแนะแนวให้เข้มแข็ง โดยให้แต่ละหลักสูตรดำเนินการติดต่อครูแนะแนว อย่างน้อยสาขาละ 2 คน

             4) จัดโครงการ/กิจกรรม:  เปิดบ้านเพื่อการศึกษาต่อมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ (OPEN HOUSE) เพื่อประชาสัมพันธ์หลักสูตร

             5) จัดโครงการบริการวิชาการให้กับโรงเรียนและชุมชน เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สาขาวิชา คณะ มหาวิทยาลัย

          3. คณะฯ กำกับ ติดตามแต่ละหลักสูตร โดยให้หลักสูตรเสนอผลสำรวจความพึงพอใจและข้อคิดเห็นของนักศึกษาที่มีต่อระบบการรับนักศึกษาและการประชาสัมพันธ์ ต่อคณะกรรมการบริหารคณะฯ เพื่อหาแนวทางการปรับปรุงต่อไป

          4. คณะฯ กำกับ ติดตามแต่ละหลักสูตร ให้ทบทวน/ประเมินกระบวนการรับนักศึกษา การประชาสัมพันธ์ เปรียบเทียบผลที่ได้กับแผนการรับนักศึกษาและคุณสมบัติที่หลักสูตรกำหนด

          5. คณะกรรมการบริหารคณะฯ นำผลการทบทวนการดำเนินงานมาพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการประชาสัมพันธ์การรับนักศึกษา เพื่อทำการร่วมกันพัฒนาปรับปรุงต่อไป

          การประเมินกระบวนการ

               จากการที่ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์เชิงรุก การจัดกิจกรรมบริการวิชาการ และการกิจกรรมร่วมกับนักศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายแล้วนั้นยังส่งผลให้จำนวนนักศึกษาในปีการศึกษา 2563 มีจำนวน 208 คน จากแผนรับทั้งหมด 320 คน  คิดเป็นร้อยละ 65 ตามหลักฐานที่ 5.2 – 3(2) มีสัดส่วนร้อยละความสำเร็จที่มากขึ้น เมื่อเทียบกับปีการศึกษา 2562 (5.2 – 3(5)) แต่หากพิจารณาจากจำนวนนักศึกษาใหม่ก็ถือว่าลดลง สาเหตุอาจเกิดจากจำนวนประชากรในวัยเรียนมีจำนวนที่ลดลง และมีสถาบันการศึกษาในพื้นที่ใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่คณะไม่สามารถควบคุมได้

          การปรับปรุง/พัฒนากระบวนการ

               จากการสอบถามนักศึกษาใหม่ พบว่า การตัดสินใจมาเรียนในสาขาต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่ได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่ ผู้ปกครอง และครูแนะแนว ดังนั้นในปีการศึกษา 2562 คณะฯ จึงได้ทำการแนะแนว โดยมีการนำรุ่นพี่ที่จบจากโรงเรียนนั้น ๆ ทำการแนะแนวในโรงเรียนที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา นอกจากนี้ ในการประชาสัมพันธ์ออนไลน์ ได้ทำการเลือกกลุ่มเป้าหมาย ในช่วงอายุ 15 – 60 ปี เพื่อให้ผู้ปกครองมองเห็นโฆษณาประชาสัมพันธ์ได้มากขึ้น

          3.2 ปัจจัยภายใน ได้แก่ 1) บทความวิจัยบทความวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ใน ฐาน TCI 1 และ TCI 2 มีน้อย  2) นักวิจัยหน้าใหม่ขาดความชำนาญในการยืนขอทุนวิจัยภายนอกและการตีพิมพ์ 3) บุคลากรขาดทักษะด้านภาษาอังกฤษ ตามเกณฑ์มาตรฐาน สกอ.  4) งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรลดลง  5) จำนวนงบประมาณสนับสนุนการวิจัยไม่เพียงพอ 6) บุคลากรไม่สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนในกฎระเบียบ ข้อบังคับได้ทันตามกำหนดระยะเวลา

1) บทความวิจัยบทความวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ใน ฐาน TCI 1 และ TCI 2 มีน้อย

               เป้าหมาย

               ปัจจัยเสี่ยงด้านบทความวิจัยบทความวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ใน ฐาน TCI 1 และ TCI 2 มีน้อย มีระดับความเสี่ยงลดลง

               ตัวชี้วัด

               จำนวนบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ ในฐาน TCI 1 และ TCI 2 ร้อยละ 10

          ระบบและกลไก

               คณะกรรมการบริหารคณะฯ ได้พิจารณา จำนวนบทความวิจัยบทความวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ใน ฐาน TCI 1 และ TCI 2 ซึ่งคณะฯ มีระบบและกลไก ดังนี้

               1. คณะกรรมการบริหารคณะฯ มีการประชุมเพื่อสำรวจจำนวนบทความวิจัย/บทความวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ใน ฐาน TCI 1 และ TCI 2 รวมถึงมีการวางแผนการดำเนินงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยนำคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิมาปรับใช้

               2. คณะกรรมการบริหารคณะฯ มีการประชุมเพื่อแจ้งให้อาจารย์ประจำหลักสูตรต้องมีผลงานทางวิชาการภายใน 5 ปี ย้อนหลังอย่างน้อย 1 รายการ

               3. คณะฯ มีการจัดโครงการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนให้อาจารย์ตีพิมพ์บทความวิจัย/บทความวิชาการใน ฐาน TCI 1 และ TCI 2

               4. คณะฯ มีการประสานงาน จัดหาเครือข่าย วารสาร ต่าง สำหรับตีพิมพ์บทความวิจัย/บทความวิชาการ  และดำเนินการประชาสัมพันธ์ต่อคณาจารย์ผ่านช่องทางต่าง ๆ

               5. คณะฯ มีการส่งเสริมและให้รางวัลกับนักวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์

               6. คณะฯ มีการส่งเสริมให้มีพี่เลี้ยงในการคัดกรองบทความวิจัยและเสนอแนะในการเขียนบทความทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ

               7.คณะฯ ร่วมกับมหาวิทยาลัย จัดสรรงบประมาณสำหรับนักวิจัยที่ต้องการตีพิมพ์

 

 

          การนำระบบกลไกไปสู่การปฏิบัติ/ดำเนินงาน

         ในปีการศึกษา 2562 ได้ดำเนินการตามแผน โดยมีการนำไปสู่การปฏิบัติ ดังนี้

         1. คณะฯ จัดทำแบบสำรวจจำนวนบทความวิจัย/บทความวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ใน ฐาน TCI 1 และ TCI 2 ผ่าน Google Sheet ซึ่งพบว่าในปี 2561 มีบทความวิจัย/บทความวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ใน ฐาน TCI 1 และ TCI 2 จำนวน 15 คน (5.2 – 3(6))

         2. คณะกรรมการบริหารคณะฯ มีการประชุมเพื่อแจ้งให้อาจารย์ประจำหลักสูตรต้องมีผลงานทางวิชาการภายใน 5 ปี ย้อนหลังอย่างน้อย 1 รายการ

         3. คณะฯ มีการจัดโครงการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนให้อาจารย์ตีพิมพ์บทความวิจัย/บทความวิชาการใน ฐาน TCI 1 และ TCI 2 โดยจัดโครงการดังนี้

             1) โครงการพัฒนาบุคลากร (การพัฒนาหลักสูตรตามกรอบมาตรฐาน ระดับปริญญาตรี พ.ศ.2558) (5.2 – 3(7))

             2) โครงการการจัดการความรู้ การเสริมสร้างสมรรถภาพด้านการวิจัย (5.2 – 3(8))

             3) โครงการการจัดการเรียนรู้ (KM) แลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการและงานวิจัย เกณฑ์ใหม่ (5.2 – 3(9))

          4. คณะฯ มีการประสานงาน จัดหาเครือข่าย วารสาร ต่าง สำหรับตีพิมพ์บทความวิจัย/บทความวิชาการ  และดำเนินการประชาสัมพันธ์ต่อคณาจารย์ผ่านช่องทางต่าง ๆ

          5. คณะฯ มีการส่งเสริมและให้รางวัลกับนักวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ (5.2 – 3(10)) ประจำปีงบประมาณ 2562 คือ

              1) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิยฉัตร  ทองแพง

              2) อาจารย์ดรุณวรรณ  แมดจ่อง

          6. คณะฯ มีการส่งเสริมให้มีพี่เลี้ยงในการคัดกรองบทความวิจัยและเสนอแนะในการเขียนบทความทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ  โดยให้ผู้ที่ต้องการคำแนะนำ สามารถปรึกษากับผู้มีประสบการณ์ได้โดยตรง

          7. คณะฯ ร่วมกับมหาวิทยาลัย จัดสรรงบประมาณสำหรับนักวิจัยที่ต้องการตีพิมพ์

          การประเมินกระบวนการ

               จากการที่ได้ดำเนินการสนับสนุน เพื่อให้มีจำนวนบทความบทความวิจัย/บทความวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ใน ฐาน TCI 1 และ TCI 2 มีบทความวิจัย/บทความวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ใน ฐาน TCI 1 และ TCI 2 เพิ่มขึ้น จำนวน 27 คน (5.2 – 3(11))  ซึ่งหากคำนวณเปรียบเทียบกับปี 2561 พบว่า จำนวนบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ ในฐาน TCI 1 และ TCI 2 มีการเพิ่มขึ้น เท่ากับ ร้อยละ 80

 

          การปรับปรุง/พัฒนากระบวนการ

               จำนวนบทความวิจัย/บทความวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ใน ฐาน TCI 1 และ TCI 2 ที่เพิ่มขึ้น ในปี 2562 ร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับปี 2561 จากการสอบถามคณาจารย์ ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การเสนอความคิดเห็นในโครงการต่างๆ ของปี 2561 ได้มีการเสนอให้มีการส่งเสริมและให้รางวัลกับนักวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ ซึ่งได้นำมาปรับใช้ในปี 2562 แล้ว นอกจากนี้ ในการจัดโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โครงการพัฒนาบุคลากรต่าง ๆ ของปี 2562 คณาจารย์ได้มีข้อเสนอแนะให้คณะฯ จัดสรรงบประมาณสำหรับนักวิจัยที่ต้องการตีพิมพ์ผลงาน ซึ่งทางคณะฯ ได้นำเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารคณะฯ ต่อไป

          ผลการปรับปรุงเห็นชัดเจนเป็นรูปธรรม

                จากการปรับปรุงกระบวนการ พบว่า การส่งเสริมและให้รางวัลกับนักวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ ช่วยให้มีจำนวนบทความวิจัย/บทความวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ใน ฐาน TCI 1 และ TCI 2 เพิ่มขึ้น

2) นักวิจัยหน้าใหม่ขาดความชำนาญในการยืนขอทุนวิจัยภายนอกและการตีพิมพ์

               เป้าหมาย

               ปัจจัยเสี่ยงด้านนักวิจัยหน้าใหม่ขาดความชำนาญในการยืนขอทุนวิจัยภายนอกและการตีพิมพ์ มีระดับความเสี่ยงลดลง

               ตัวชี้วัด

               จำนวนนักวิจัยหน้าใหม่ที่ขอทุนวิจัยภายนอกและการตีพิมพ์ มีจำนวนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5

          ระบบและกลไก

               คณะกรรมการบริหารคณะฯ ได้พิจารณา จำนวนนักวิจัยหน้าใหม่ที่ขอทุนวิจัยภายนอก และการตีพิมพ์ มีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งคณะฯ มีระบบและกลไก ดังนี้

               1. คณะกรรมการบริหารคณะฯ มีการประชุมเพื่อสำรวจจำนวนนักวิจัยหน้าใหม่ที่ขอทุนวิจัยภายนอกและนำไปตีพิมพ์ มีจำนวนเพิ่มขึ้น

               2. คณะกรรมการบริหารคณะฯ มีการประชุมเพื่อแจ้งให้อาจารย์ประจำหลักสูตรขอทุนวิจัยภายนอกและนำไปตีพิมพ์ ให้มากขึ้น

               3. คณะฯ มีการจัดโครงการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนให้อาจารย์ขอทุนวิจัยภายนอกและนำไปตีพิมพ์ ให้มากขึ้น

               4. คณะฯ มีการประสานงาน จัดหาเครือข่าย วารสาร ต่าง สำหรับขอทุนภายนอก ตีพิมพ์บทความวิจัย/บทความวิชาการ  และดำเนินการประชาสัมพันธ์ต่อคณาจารย์ผ่านช่องทางต่าง ๆ

               5. คณะฯ มีการส่งเสริมและให้รางวัลกับนักวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์

               6. คณะฯ มีการส่งเสริมให้มีพี่เลี้ยงในการให้คำแนะนำ คัดกรอง วิจัย สำหรับขอทุน และตีพิมพ์บทความวิจัย ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ

          การนำระบบกลไกไปสู่การปฏิบัติ/ดำเนินงาน

         ในปีการศึกษา 2562 ได้ดำเนินการตามแผน โดยมีการนำไปสู่การปฏิบัติ ดังนี้

         1. คณะฯ จัดทำแบบสำรวจจำนวนนักวิจัยหน้าใหม่ที่ขอทุนวิจัยภายนอก และการตีพิมพ์ซึ่งพบว่าในปี 2561 มีนักวิจัยหน้าใหม่ที่ขอทุนวิจัยภายนอก จำนวน 1 ทุน ส่วนบทความวิจัย/บทความวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ใน ฐาน TCI 1 และ TCI 2 จำนวน 15 คน (5.2 – 3(6))

         2. คณะกรรมการบริหารคณะฯ มีการประชุมเพื่อแจ้งให้อาจารย์ประจำหลักสูตรขอทุนวิจัยภายนอกและนำไปตีพิมพ์ ให้มากขึ้น

         3. คณะฯ มีการจัดโครงการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนให้อาจารย์ขอทุนวิจัยภายนอกและนำไปตีพิมพ์ ให้มากขึ้น คือ

             1) โครงการการจัดการความรู้ การเสริมสร้างสมรรถภาพด้านการวิจัย (5.2 – 3(8))

             2) โครงการการจัดการเรียนรู้(KM) แลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการและงานวิจัย เกณฑ์ใหม่ (5.2 – 3(9))

          4. คณะฯ มีการประสานงาน จัดหาเครือข่าย วารสาร ต่าง สำหรับขอทุนภายนอก ตีพิมพ์บทความวิจัย/บทความวิชาการ  และดำเนินการประชาสัมพันธ์ต่อคณาจารย์ผ่านช่องทางต่าง ๆ

          5. คณะฯ มีการส่งเสริมและให้รางวัลกับนักวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์

          6. คณะฯ มีการส่งเสริมให้มีพี่เลี้ยงในการให้คำแนะนำ คัดกรอง วิจัย สำหรับขอทุน และตีพิมพ์บทความวิจัย ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ

          การประเมินกระบวนการ

               จากการดำเนินการสนับสนุน เพื่อให้มีจำนวนนักวิจัยหน้าใหม่ที่ขอทุนวิจัยภายนอกและตีพิมพ์ ในปี 2561 มีนักวิจัยหน้าใหม่ที่ขอทุนวิจัยภายนอก จำนวน 1 ทุน ส่วนบทความวิจัย/บทความวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ จำนวน 15 คน ซึ่งในปี 2562 พบว่า นักวิจัยหน้าใหม่ที่ขอทุนวิจัยภายนอก จำนวน 2 ทุน (5.2 – 3(12))ส่วนบทความวิจัย/บทความวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ จำนวน 27 คน

          การปรับปรุง/พัฒนากระบวนการ

               จากการที่จำนวน นักวิจัยหน้าใหม่ที่ขอทุนวิจัยภายนอกเพิ่มขึ้น จำนวน 2 ทุน และบทความวิจัย/บทความวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ เพิ่มขึ้น จำนวน 27 คน คณะฯ ได้มีการสอบถามคณาจารย์ ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การเสนอความคิดเห็นในโครงการต่างๆ ได้มีการเสนอให้มีการจัดอบรมแนวทางการเขียนขอทุนภายนอก ซึ่งได้นำมาปรับใช้ในปี 2562 แล้ว

 

 

 

          ผลการปรับปรุงเห็นชัดเจนเป็นรูปธรรม

                จากการปรับปรุงกระบวนการ พบว่า การส่งเสริมให้นักวิจัยหน้าใหม่ขอทุนวิจัยภายนอก มีจำนวนเพิ่มขึ้น และมีจำนวนบทความวิจัย/บทความวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ใน ฐาน TCI 1 และ TCI 2 เพิ่มขึ้น

3) บุคลากรขาดทักษะด้านภาษาอังกฤษ ตามเกณฑ์มาตรฐาน สกอ.

               เป้าหมาย

               ปัจจัยเสี่ยงด้านบุคลากรขาดทักษะด้านภาษาอังกฤษ ตามเกณฑ์มาตรฐาน สกอ. มีระดับความเสี่ยงลดลง

               ตัวชี้วัด

               จำนวนบุคลากรผ่านเกณฑ์ทดสอบ ร้อยละ 5

          ระบบและกลไก

               คณะกรรมการบริหารคณะฯ ได้พิจารณา จำนวนบุคลากรผ่านทักษะด้านภาษาอังกฤษ ตามเกณฑ์มาตรฐาน สกอ. ซึ่งคณะฯ มีระบบและกลไก ดังนี้

               1. คณะกรรมการบริหารคณะฯ มีการประชุมเพื่อสำรวจจำนวนบุคลากรผ่านทักษะด้านภาษาอังกฤษ ตามเกณฑ์มาตรฐาน สกอ. รวมถึงมีการวางแผนการดำเนินงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยนำคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิมาปรับใช้

               2. คณะกรรมการบริหารคณะฯ มีการประชุมเพื่อแจ้งให้อาจารย์ประจำหลักสูตรต้องผ่านทักษะด้านภาษาอังกฤษ ตามเกณฑ์มาตรฐาน สกอ.

               3. คณะฯ มีการจัดโครงการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนให้อาจารย์พัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษ ตามเกณฑ์มาตรฐาน สกอ.

               4. คณะฯ มีการประสานงาน จัดหาเครือข่าย วารสาร ต่าง สำหรับการอบรม การทดสอบทักษะภาษาอังกฤษ  และดำเนินการประชาสัมพันธ์ต่อคณาจารย์ผ่านช่องทางต่าง ๆ

               5. คณะฯ มีงบสนับสนุนให้อาจารย์เข้ารับการอบรมภาษาอังกฤษ

          การนำระบบกลไกไปสู่การปฏิบัติ/ดำเนินงาน

         ในปีการศึกษา 2562 ได้ดำเนินการตามแผน โดยมีการนำไปสู่การปฏิบัติ ดังนี้

              1. คณะฯ จัดทำแบบสำรวจจำนวนบุคลากรผ่านทักษะด้านภาษาอังกฤษ ตามเกณฑ์มาตรฐาน สกอ.

              2. คณะกรรมการบริหารคณะฯ มีการประชุมเพื่อแจ้งให้อาจารย์ประจำหลักสูตรต้องผ่านทักษะด้านภาษาอังกฤษ ตามเกณฑ์มาตรฐาน สกอ.

              3. คณะฯ มีการจัดโครงการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนให้อาจารย์พัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษ ตามเกณฑ์มาตรฐาน สกอ. โดยจัดโครงการพัฒนาบุคลากร (5.2 – 3(7)) นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนให้บุคลากรเข้าร่วมโครงการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ โดยคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ เพื่อเข้ารับการทดสอบและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ

               4. คณะฯ มีการประสานงาน จัดหาเครือข่าย วารสาร ต่าง สำหรับการอบรม การทดสอบทักษะภาษาอังกฤษ  และดำเนินการประชาสัมพันธ์ต่อคณาจารย์ผ่านช่องทางต่าง ๆ

               5. คณะฯ มีงบสนับสนุนให้อาจารย์เข้ารับการอบรมภาษาอังกฤษ

          การประเมินกระบวนการ

               จากการที่คณะฯ ได้ดำเนินการสนับสนุน เพื่อให้มีอาจารย์มีการพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษ ตลอดจนผ่านทักษะด้านภาษาอังกฤษ ตามเกณฑ์มาตรฐาน สกอ. พบว่า อาจารย์มีความกระตือรือร้นในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น ซึ่งมีอาจารย์เข้ารับการทดสอบ Pre – Test จำนวน 8 คน  ซึ่งขณะนี้ กำลังเข้ารับการอบรม และจะเข้ารับการทดสอบ Post – Test ต่อไป

          การปรับปรุง/พัฒนากระบวนการ

               จากจำนวนอาจารย์ที่เข้ารับการทดสอบ เป็นปีแรก จำนวน 8 คน คณะฯ มีการให้อาจารย์ที่เคยเข้ารับการทดสอบร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในโครงการต่าง ๆ ทำให้อาจารย์ท่านอื่นๆ สนใจที่จะเข้าร่วมการทดสอบภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้น

4) งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรลดลง

               เป้าหมาย

               ปัจจัยเสี่ยงด้านงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรลดลง มีระดับความเสี่ยงลดลง

               ตัวชี้วัด

               จำนวนโครงการที่ได้รับจากทุนด้านนอกไม่น้อยกว่าร้อยละ 80

          ระบบและกลไก

               คณะกรรมการบริหารคณะฯ ได้พิจารณา จำนวนโครงการ ตามแผนปฏิบัติการประจำปี ซึ่งคณะฯ มีระบบและกลไก ดังนี้

               1. คณะกรรมการบริหารคณะฯ มีการประชุมเพื่อวางแผนการปฏิบัติงาน เพื่อนำไปเขียนโครงการตามแผนปฏิบัติการประจำปี โดยนำคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิมาปรับใช้

               2. คณะกรรมการบริหารคณะฯ มีการประชุมเพื่อแจ้งให้อาจารย์ประจำหลักสูตรดำเนินการเขียนแผนปฏิบัติการประจำปี ให้สอดคล้องกับการดำเนินงานของหลักสูตร และส่งให้คณะกรรมการบริหารคณะฯ ร่วมกันพิจารณา อีกทั้งร่วมกันพิจารณาว่าโครงการใดสามารถขอทุน หรือมีทุนสนับสนุนจากแหล่งงบประมาณภายนอก

               3. คณะฯ รวบรวมแผนจากทุกหลักสูตร เพื่อดำเนินการทำแผนปฏิบัติการประจำปีของคณะ เพื่อเสนอต่อมหาวิทยาลัย

               4. คณะฯ รับผลการพิจารณาจากมหาวิทยาลัย นำมาปรับลด-เพิ่ม งบประมาณตามความเหมาะสมในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารคณะฯ

               5. คณะฯ รวบรวมแผนจากทุกหลักสูตร เพื่อดำเนินการทำแผนปฏิบัติการประจำปีของคณะ เพื่อเสนอต่อมหาวิทยาลัย

               6. คณะฯ นำผลการพิจารณาจากมหาวิทยาลัยมาใช้ หรือปรับ-ลดตามความเหมาะสม

         

          การนำระบบกลไกไปสู่การปฏิบัติ/ดำเนินงาน

         ในปีการศึกษา 2562 ได้ดำเนินการตามแผน โดยมีการนำไปสู่การปฏิบัติ ดังนี้

         1. คณะกรรมการบริหารคณะฯ ประชุมเพื่อวางแผนการปฏิบัติงาน เพื่อนำไปเขียนโครงการตามแผนปฏิบัติการประจำปี โดยนำคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิมาปรับใช้

         2. คณะกรรมการบริหารคณะฯ มีการประชุมเพื่อแจ้งให้อาจารย์ประจำหลักสูตรดำเนินการเขียนแผนปฏิบัติการประจำปี ให้สอดคล้องกับการดำเนินงานของหลักสูตร และส่งให้คณะกรรมการบริหารคณะฯ ร่วมกันพิจารณา อีกทั้งร่วมกันพิจารณาว่าโครงการใดสามารถขอทุน หรือมีทุนสนับสนุนจากแหล่งงบประมาณภายนอก

         3. คณะฯ รวบรวมแผนจากทุกหลักสูตร เพื่อดำเนินการทำแผนปฏิบัติการประจำปีของคณะ เพื่อเสนอต่อมหาวิทยาลัย

          4. คณะฯ รับผลการพิจารณาจากมหาวิทยาลัย นำมาปรับลด-เพิ่ม งบประมาณตามความเหมาะสมในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารคณะฯ

          5. คณะฯ รวบรวมแผนจากทุกหลักสูตร เพื่อดำเนินการทำแผนปฏิบัติการประจำปีของคณะ เพื่อเสนอต่อมหาวิทยาลัย

          6. คณะฯ นำผลการพิจารณาจากมหาวิทยาลัยมาใช้ หรือปรับ-ลดตามความเหมาะสม

          การประเมินกระบวนการ

               จากการที่ได้ดำเนินงานลดความเสี่ยงด้านงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรลดลง (5.2 – 3(13-15)) เพื่อให้หลักสูตร และคณะฯ มีการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ พบว่า คณะฯ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากแหล่งทุนภายนอก มากกว่างบประมาณที่ได้รับการจัดสรรภายใน ถึงร้อยละ 33.43 (133.43)

          การปรับปรุง/พัฒนากระบวนการ

               ในปีงบประมาณ 2562 คณะฯ ได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณจากแหล่งทุนภายนอก และมีการดำเนินการโดยการรวมศูนย์กลางงบประมาณไว้ที่คณะฯ โดยให้หลักสูตรส่งตัวแทนมาเข้าร่วมโครงการ เนื่องจากงบประมาณที่จำกัด แต่ผลการจัดการบริหารที่ดีและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ในปีงบประมาณ 2563 คณะฯ ได้รับงบประมาณมากกว่าปี 2562 มากกว่างบประมาณที่ได้รับการจัดสรรภายใน ส่งผลให้คณะฯ สามารถจัดสรรงบประมาณและดำเนินการได้อย่างทั่วถึง

          ผลการปรับปรุงเห็นชัดเจนเป็นรูปธรรม

                ในปีงบประมาณ 2562 คณะฯ ได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณจากแหล่งทุนภายนอก และมีผลการจัดการบริหารที่ดีและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ในปีงบประมาณ 2563 คณะฯ ได้รับงบประมาณมากกว่าปี 2562 มากกว่างบประมาณที่ได้รับการจัดสรรภายใน ส่งผลให้คณะฯ สามารถจัดสรรงบประมาณและดำเนินการได้อย่างทั่วถึง

4 บริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาลอย่างครบถ้วนทั้ง 10 ประการที่อธิบายการดำเนินงานอย่างชัดเจน

           คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ได้บริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล โดยยึดหลักนิติธรรม ความโปร่งใส การมีส่วนร่วม ความรับผิดชอบตรวจสอบได้ตลอดจนความคุ้มค่า และอาศัยหลักคุณธรรมในการกำกับดูแลด้านต่างๆที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จและก้าวหน้า คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี บริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล 10 ประการ ดังนี้

1.หลักประสิทธิผล (Effectiveness) คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ยึดหลักการบริหารงานโดยคำนึงถึงความมีประสิทธิผล (Effectiveness) โดยได้จัดทำแผนปฏิบัติการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ตามเอกสาร 5.๒-4(1) โดยกำหนดยุทธศาสตร์และเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน และมีการติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ อาทิ การรายงานผลการดำเนินงานคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ตามเอกสาร 5.๒-4(2)  ต่อคณะกรรมการประจำคณะ ตามเอกสาร 5.๒-4(3)

2.หลักประสิทธิภาพ (Efficiency) คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มีการบริหารงานด้วยหลักประสิทธิภาพ โดยมีการ บริหารจัดการด้วยการกำหนดความรับผิดชอบและมอบหมายงานแก่รองคณบดี ตามเอกสาร 5.๒-4(4) ผู้ช่วยคณบดีอย่างชัดเจน ตามเอกสาร 5.๒-4(5) คณะฯ มีการจัดสรรงบประมาณให้กับสาขาวิชาและหน่วยงานในสังกัดคณะฯ เพื่อดำเนินโครงการให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนปฏิบัติการ และมีการติดตาม ควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณที่จัดสรรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตามเอกสาร 5.๒-4(6)  โดยให้แต่ละสาขาและหน่วยงานส่งรายงานการใช้งบประมาณเป็นรายไตรมาส ตามเอกสาร 5.๒-4(7)  

3.หลักการตอบสนอง(Responsiveness) คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชีบริหารงานโดยนำหลักมาตอบสนอง มาใช้ในการบริหารเพื่อสร้างความไว้ใจความเชื่อมั่น รวมถึงตอบสนองต่อผู้รับบริการ โดยมีกลไกและกระบวนการการบริหารจัดการภายในมหาวิทยาลัยที่มีประสิทธิภาพ มีความเป็นธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ ภายใต้กรอบการปฏิบัติที่ชัดเจนรวมถึงเปิดโอกาสและช่องทางในการ ร้องทุกข์ของบุคลากรและนักศึกษาผ่านสายตรงคณบดี เฟสบุ๊คคณะ และไลน์คณะ ตามเอกสาร 5.๒-4(8) 

4.หลักภาระรับผิดชอบ (Accountability) คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มีการกระจายอำนาจในการบริหารงานให้กับรองคณบดี และ ผู้ช่วยคณบดี ตามเอกสาร 5.๒-4(9) มีการควบคุมภายในโดยคณะฯตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ตามเอกสาร 5.๒-4(10) เพื่อทำหน้าที่ควบคุมการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติราชการประจำปี และมีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกิดจากการดำเนินงาน ตามเอกสาร 5.๒-4(11)     

5.หลักความโปร่งใส (Transparency) มีการประกาศ แจ้งข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างทั่วถึง จัดทำหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน การจัดซื้อจัดจ้างอย่างเป็นระบบและตรวจสอบได้ และจัดทำรายงานผลการใช้เงินผ่านการประชุมกรรมการประจำคณะ ตามเอกสาร 5.๒-4(12)

6.หลักการมีส่วนร่วม (Participation) คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชีเปิดโอกาสให้บุคลากรมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น เสนอปัญหา และตัดสินใจร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาโดยคณะฯ ได้มีการจัดประชุมอาจารย์ และเจ้าหน้าที่ ตามเอกสาร 5.๒-4(13)  

7.หลักการกระจายอำนาจ (Decentralization) คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มีการมอบอำนาจ ในการตัดสินใจให้กับรองคณบดี ผู้ช่วยคณบดี ในในการปฏิบัติงานในส่วนของความรับผิดชอบทั้งทางด้านวิชาการ งานวิจัย งานนักศึกษา บริหารบุคคล งานประกันคุณภาพการศึกษาและงานบริหารงานทั่วไป ตามเอกสาร 5.๒-4(14)

8.หลักนิติธรรม (Rule of law) คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ยึดแนวปฏิบัติระเบียบข้อบังคับต่างๆของทางมหาวิทยาลัยและได้มีการออกแนวปฏิบัติระเบียบข้อบังคับต่างๆ ขึ้นตามบริบทของคณะฯ เพื่อยึดถือเป็นแนวปฏิบัติร่วมกัน และบริหารงานด้วยความเป็นธรรมโดยคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของคณาจารย์และบุคลากรภายในคณะฯ เป็นหลัก ตามเอกสาร 5.๒-4(15) มีกระบวนการพิจารณาความผิดและกำหนดบทลงโทษอย่างเป็นธรรม เช่น รายงานการตรวจสอบอาจารย์ที่ส่งเกรดผิด ตามเอกสาร 5.๒-4(16)

9.หลักความเสมอภาค (Equity)  คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มีการดูแล การให้บริการแก่นักศึกษาบุคลากรภายใน และบุคลากรภายนอกที่เข้ามาติดต่อใช้บริการ โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ เช่น มีนโยบายในการสนับสนุนให้บุคลากรทุกคนได้พัฒนาตนเองอย่างเสมอภาคโดยจัดเตรียมงบประมาณสนับสนุนสายวิชาการ 5,000 บาทต่อคนต่อปี สายสนับสนุน 5,000 บาทต่อคนต่อปี เนื่องจากเห็นความสำคัญของการพัฒนาตนเอง เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมาพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามเอกสาร 5.๒-4(17) ด้านนักศึกษาได้ให้บริการแก่นักศึกษาทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เช่น นโยบายการจัดกิจกรรมนักศึกษาได้ส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณให้นักศึกษามีส่วนร่วมและได้รับบริการด้านกิจกรรมนักศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน ตามเอกสาร 5.๒-4(18)

10.หลักมุ่งเน้นฉันทามติ  (Consensus Oriented) มีการสำรวจความต้องการในการปฏิบัติงาน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาตนเองของบุคลากร  คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ตามเอกสาร 5.๒-4(19) ผู้บริหารเปิดโอกาสให้อาจารย์และเจ้าหน้าที่มีส่วนร่วมในการพิจารณาและตัดสินในร่วมกัน เช่น โครงการเชิงปฏิบัติการการจัดทำแผนกลยุทธ์ระยะ 4 ปี (พ.ศ.2561-2564) ตามเอกสาร 5.๒-4(20) 

5 ค้นหาแนวปฏิบัติที่ดีจากความรู้ทั้งที่มีอยู่ในตัวบุคคล ทักษะของผู้มีประสบการณ์ตรง และแหล่งเรียนรู้อื่นๆ ตามประเด็นความรู้ อย่างน้อยครอบคลุมพันธกิจด้านการผลิตบัณฑิตและด้านการวิจัย จัดเก็บอย่างเป็นระบบโดยเผยแพร่ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรและนำมาปรับใช้ในการปฏิบัติงานจริง

          คณะฯ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการความรู้ โดยมีหน้าที่ในการจัดทำแผนการจัดการความรู้ โดยกำหนดประเด็นความรู้และเป้าหมายของการจัดการความรู้ที่สนับสนุนวิสัยทัศน์ และกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสมรรถนะหลักของคณะฯ อย่างน้อยให้ครอบคลุมพันธกิจด้านการผลิตบัณฑิต และด้านการวิจัย โดยได้ดำเนินการจัดการความรู้ตามกระบวนการจัดการความรู้ ดังนี้

          คณะฯ ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรมการจัดการความรู้ และได้ประชุมร่วมกัน เพื่อกำหนดการบ่งชี้ความรู้ และกำหนดประเด็นความรู้ที่จำเป็น โดยในด้านการผลิตบัณฑิต ได้กำหนดประเด็น คือ การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการกับการทำงาน(WIL) ซึ่งคณะฯ มีหลักสูตรที่เปิดสอนในคณะจำนวน 7 หลักสูตร และมีนโยบายให้ทั้ง 7 หลักสูตร จัดการเรียนการสอนในรูปแบบการเรียนรู้แบบบูรณาการกับการทำงาน (WIL : Work-integrated Learning) โดยเป็นสหกิจศึกษา (Cooperative Education)  ซึ่งเป็นระบบการศึกษาที่เน้นประสบการณ์จากการปฏิบัติงานจริงในสถานประกอบการหรือองค์กรผู้ใช้บัณฑิต (Work Based Learning) โดยมอบหมายรองคณบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย พร้อมกับประธานหลักสูตรทั้งหมดจำนวน 7 หลักสูตร  ประกอบด้วย สาขาวิชาการบัญชี สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ สาขาวิชาท่องเที่ยวและการโรงแรม สาขาวิชาการจัดการ สาขาวิชาการตลาด สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์การเงินการคลัง  และสาขาวิชาการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ  นอกจากนี้ คณะได้เปิดหลักสูตรใหม่คือ  หลักสูตรการจัดการธุรกิจการค้าสมัยใหม่  เป็นหลักสูตรจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการกับการทำงาน (WIL : Work-integrated Learning) ซึ่งเป็นหลักสูตรปฏิบัติการ

          คณะฯ ได้มีการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยคณาจารย์ภายใน และมีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกคณะที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในประเด็นที่ได้กำหนดขึ้น จากนั้นมีการจัดการความรู้ให้เป็นระบบ ทางฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการจัดการความรู้ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ได้ดำเนินการสรุปประเด็นทั้งหมดจากการแสวงหาความรู้ เสนอต่อประธานคณะกรรมการจัดการความรู้ เพื่อพิจารณาสรุปประเด็นที่ต้องการนำไปจัดทำเอกสารเพื่อเผยแพร่ ซึ่งได้จัดทำ “คู่มือสหกิจศึกษา คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ”และ “แนวปฏิบัติที่ดีงานสหกิจศึกษา-คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มรภ.ศก 2562”

          งานศูนย์ฝึกและสหกิจศึกษาและอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ได้นำข้อเสนอแนะนำจากการดำเนินงานตามแผนที่กำหนดในการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเรียนกับการทำงาน นำผลการประเมินไปปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเรียนกับการทำงานอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาจัดกิจกรรมเสริมทักษะการเรียนรู้ก่อนออกฝึกงานและปฏิบัติงานสหกิจศึกษาอย่างน้อย 30 ชั่วโมง ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับสหกิจศึกษา เพื่อให้แผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการกับการทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นโดยในปีการศึกษา 2561 มีข้อเสนอแนะ ดังนี้

            1) จำนวนนักศึกษาที่เข้าร่วมสหกิจศึกษามีน้อยเกินไป งานศูนย์ฝึกและสหกิจศึกษาควรจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับสหกิจศึกษาให้กับ นักศึกษาตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 ที่เข้ามาเรียน ทราบว่าคณะมีสหกิจศึกษา เพื่อให้นักศึกษามีเป้าหมายในการเรียน

            2) ปรับกระบวนการในการรับนักศึกษาให้มีความหลากหลาย โดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์หลักสูตรเชิงรุกมากขึ้น

            3) หลักสูตรควรสร้างเครือข่ายหรือสร้างฐานข้อมูลสถานประกอบการเพื่อรองรับการปฏิบัติงานสกิจศึกษา

            4) คณะส่งเสริมให้อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรผ่านอบรมหลักสูตรคณาจารย์นิเทศก์สหกิจศึกษา

            5) งานศูนย์ฝึกและสหกิจศึกษาร่วมกับ หลักสูตร และสถานประกอบการ ร่วมกันกำหนดกิจกรรมอบรมให้นักศึกษาก่อนออกฝึกและสหกิจศึกษาอย่างน้อย 30 ชม.เพื่อให้ตรงตามความต้องการของสถานประกอบการ

            6) ควรมีการถอดบทเรียนหรือสรุปผลการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเรียนกับการทำงาน โดยหลักสูตรจะนำข้อเสนอแนะไปปรับปรุงในการจัดแผนการดำเนินงานในปีการศึกษา 2562

          งานศูนย์ฝึกและสหกิจศึกษาร่วมกับหลักสูตร 7 หลักสูตร ประกอบด้วย สาขาการบัญชี สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ สาขาท่องเที่ยวและการโรงแรม สาขาการจัดการ สาขาการตลาด สาขาเศรษฐศาสตร์ สาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ และมีสาขาที่เปิดหลักสูตรขึ้นมาใหม่คือ  หลักสูตรการจัดการธุรกิจการค้าสมัยใหม่  ได้จัดประชุม ทบทวน จัดทำแผนการปฏิบัติงาน การกำหนดปฏิทินกิจกรรมเสริมหลักสูตร และกำหนดรายวิชาเพื่อจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการกับการทำงาน จนได้คู่มือสหกิจศึกษา ของคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษและนำผลจากกิจกรรมเตรียมความพร้อมก่อนออกฝึกประสบการณ์วิชาชีพและสหกิจศึกษาและข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการบริหารประจำคณะ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อค้นหาแนวทางปฏิบัติที่ดีเพื่อนำมากำหนดเป็นทางในการปฏิบัติงานในการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการกับการทำงาน ซึ่งคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มีเครือข่ายความร่วมมือ MOU กับบริษัทชั้นนำของประเทศ และเป็นเครือข่ายสหกิจศึกษาในระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ร่วมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีและมหาวิทยาลัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มหาวิทยาลัยสุรนารี เป็นแม่ข่ายและให้คำปรึกษามาตลอด ทำให้มหาวิทยาลัยสุรนารีเชื่อมั่นในระบบการทำงานสหกิจศึกษา และสนับสนุนงบประมาณในการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องจนทำให้คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีได้รับรางวัลผู้ปฏิบัติงานสหกิจศึกษาดีเด่น และส่งผลให้นักศึกษาที่ปฏิบัติงานสหกิจศึกษา สาขาวิชาการตลาดได้รับรางวัลจากการประกวดผลงานสหกิจศึกษา รองชนะเลิศ ระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และได้เข้าร่วมกิจกรรม สหกิจศึกษาระดับชาติและระดับนานาชาติทุกปี และในปี พ.ศ. 2562 จากการดำเนินงานของศูนย์ฝึกและสหกิจศึกษา ได้พัฒนาเตรียมความพร้อม นศ.ก่อนออกฝึกและปฏิบัติงานสหกิจทำให้ ผู้ใช้บัณฑิตในสถานประกอบการ คือบริษัทดับเบิ้ลไนท์ จำกัด ขอรับ นายสมเกียรติ  หวังฟังกลาง นักศึกษาระดับชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ และบริษัทเบทาโกร (จำกัด) มหาชน รับนักศึกษาสาขาการจัดการ จำนวน 2 คน และนักศึกษาสาขาเศรษฐศาสตร์การเงินการคลัง จำนวน 1 คน เป็นพนักงานประจำ ต่อไป      ที่ปฏิบัติงานสหกิจศึกษา ตั้งแต่ยังปฏิบัติงานไม่อยู่ และผู้บริหารของบริษัทยังแจ้งอีกว่า ให้ส่ง นศ.รุ่นถัดไป มาปฏิบัติสหกิจศึกษาทุกปี  และคณะรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการบริหารประจำคณะ และรายงานต่อคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ทุกไตรมาศ ทำให้คณะมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ และคณะอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ  และมหาวิทยาลัยอื่นๆ ชื่นชมระบบการทำงานของศูนย์ฝึกและสหกิจศึกษาและขอเข้ามาศึกษาดูงานของระบบการทำงานของงานศูนย์ฝึกและสหกิจศึกษา คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลับราชภัฏศรีสะเกษ เป็นระยะ

6 การกำกับติดตามผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารและแผนพัฒนาบุคลากรสายวิชาการและสายสนับสนุน

      คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ จัดทำแผนบริหารและแผนพัฒนาบุคลากร คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี
(5.2-6(1)) เพื่อกำหนดเป้าหมายและทิศทางการพัฒนาบุคลากรสายวิชาการและสายสนับสนุนให้สอดคล้องกับการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และเพื่อให้การดำเนินงานมีความสอดคล้องและบรรลุตามแผนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัย ในด้านการบริหารและพัฒนาบุคลากรตามยุทธศาสตร์ที่ 6 การพัฒนาระบบการบริหารและการจัดการของมหาวิทยาลัย โดยยึดหลักธรรมาภิบาลและให้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ระยะ 4 ปี (5.2-6(2)) ทางคณะฯ จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำแผนบริหารและการพัฒนาบุคลากร ประจำปี พ.ศ.2561 (5.2-6(3)) ซึ่งทางคณะได้ดำเนินการจัดโครงการตามแผนพัฒนาบุคลากร ประจำปี พ.ศ. 2561 เพื่อพัฒนาบุคลากรสายวิชาการและสายสนับสนุนดังนี้

       1. โครงการพัฒนาบุคลากร (ติวสอบภาษาอังกฤษ CEFR และการพัฒนาการเรียนการสอนด้วยสื่อออนไลน์ของบุคลากรทางการศึกษาในยุควิกฤตการณ์โควิด - 19) ซึ่งโครงการดังกล่าวได้มุ่งเน้นให้บุคลากรสายวิชาการและสายสนับสนุนได้มีการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษตามเกณฑ์มาตรฐานของมหาวิทยาลัยกำหนด (5.2-6(4))

       2.  โครงการการจัดการเรียนรู้ (เทคนิคการเขียนวิจัยให้ได้รับทุน/การเขียนแผนกลยุทธ์/ทักษะภาษาอังกฤษและทักษะด้านดิจิทัล)  โดยส่งเสริมให้เกิดการริเริ่มในการสร้างสังคมแลกเปลี่ยนเรียนรู้  และตระหนักถึงการเสริมสร้างสมรรถภาพด้านการวิจัย ภาษาอังกฤษ และดิจิตัลและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี (5.2-6(5))

       คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้บุลากรสายวิชาการเข้าสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีได้รับอนุมัติให้บุคลากรดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยมติสภามหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ จำนวน 2 ราย ได้แก่  
       1.  ดร.ภาดล  อามาตย์  ตำแหน่ง คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชีดำรงตำแหน่งเป็น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ (5.2-6(6))
       2.  อาจารย์ศิริกมล  ประภาสพงษ์  ตำแหน่ง รองคณบดีฝ่ายวิชาการดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาวิชาสาขาวิชาบริหารธุรกิจ (5.2-6(7))

     คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มีส่งเสริมให้บุคลากรจัดทำงานวิจัยของคณะฯ โดยทางคณะฯได้จัดสรรงบประมาณในการจัดทำวิจัยให้บุคลากรที่สนใจ ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ได้มีบุคลากรที่สนใจได้เสนอเรื่องจะจัดทำวิจัยประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำนวน 8 เรื่อง (5.2-6(8)) และส่งเสริมบุคลากรได้พัฒนาตนเอง ในเรื่องของการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 มีบุคลากรที่กำลังศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น จำนวน 1 ราย คือ นางสาวศิริกร อัตไพบูลย์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งกำลังศึกษาต่อ ปริญญาเอก สาขาวิชาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ ณ ประเทศสหรัฐสอเมริกา (5.2-6(9))

       ทั้งนี้คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ได้มีการดำเนินการติดตามผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาบุคลากรผ่านที่ประชุมคณะกรรมการบริหารคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี และนำผลที่ได้จากการประเมินนำไปพัฒนาปรับปรุงแผนการบริหารและพัฒนาบุคลากรให้มีความเหมาะสมต่อไป

7 ดำเนินงานด้านการประกันคุณภาพการศึกษาภายในตามระบบและกลไกที่เหมาะสมและสอดคล้องกับพันธกิจและพัฒนาการของคณะที่ได้ปรับให้การดำเนินงานด้านการประกันคุณภาพเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารงานคณะตามปกติที่ประกอบด้วย การควบคุมคุณภาพ การตรวจสอบคุณภาพ และการประเมินคุณภาพ

        คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มีการกำกับติดตาม ส่งเสริมสนับสนุนให้คณะและหลักสูตรมีการดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในตามระบบและกลไกที่คณะฯ กำหนดไว้ในแผนการดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ประจำปีการศึกษา 2562 ประกอบด้วย การควบคุมคุณภาพ การตรวจสอบคุณภาพ และการประเมินคุณภาพ โดยมีรายละเอียดการดำเนินงานดังนี้

        การควบคุมคุณภาพ

        1)  มีการกำหนดผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายใน เพื่อทำหน้าที่วางแผนการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายในและวางระบบกลไกการประกันคุณภาพการศึกษาของคณะฯ พิจารณามาตรฐานตัวบ่งชี้และการประเมินคุณภาพการศึกษาภายในมหาวิทยาลัย โดยให้ครอบคลุมองค์ประกอบและตัวบ่งชี้ประกันคุณภาพการศึกษาภายใน มีการกำกับ ติดตาม ตรวจสอบผลการดำเนินงานและคุณภาพของการจัดการศึกษาตามมาตรฐาน สนับสนุนการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายในทุกระดับ และปฏิบัติงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษาที่คณะฯมอบหมาย  ตามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับและจัดเก็บตัวบ่งชี้การประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับคณะ ประจำปีการศึกษา 2562 คำสั่งเลขที่ 024/2562  สั่ง ณ วันที่  16 ตุลาคม 2562  (เอกสารหมายเลข 5.2-7(1))

        2)  มีการกำหนดนโยบาย ระบบ และกลไกการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน และแนวทางการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายในของมหาวิทยาลัย ระบุไว้ในแผนการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ประจำปีการศึกษา 2562 (เอกสารหมายเลข 5.2-7(2)) คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ประจำปีการศึกษา 2562 ซึ่งประกอบด้วย แนวทางการแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ทุกระดับ วงรอบปีที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลประกันคุณภาพการศึกษา องค์ประกอบ ตัวบ่งชี้และค่าเป้าหมาย ซึ่งแผนฯ  ดังกล่าว ได้ผ่านการพิจารณาจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารคณะ ครั้งที่ 4/2562 วันที่ 26 สิงหาคม 2562  (เอกสารหมายเลข 5.2-7(3)) และที่ประชุมคณะกรรมการประจำคณะ ครั้งที่ 4/2562 วันที่ 12 กันยายน 2562 (เอกสารหมายเลข 5.2-7(4))

        3)  มีการจัดทำปฏิทินการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ประจำปีการศึกษา 2562  เพื่อใช้เป็นแนวทางการกำกับติดตามการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายในของคณะฯ (เอกสารหมายเลข 5.2-7(5))

        4)  มีการใช้คู่มือการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2562 เป็นแนวทางในการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายในของคณะ และมีการจัดทำคู่มือประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ประจำปีการศึกษา 2562 คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี  เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายในของคณะฯ (เอกสารหมายเลข 5.2-7(6))

 

        การตรวจสอบคุณภาพ

        คณะฯ มีการตรวจสอบคุณภาพการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ทุกระดับ โดยมีการกำหนดให้มีการรายงานจัดทำรายงานการประเมินตนเอง (Self-Assessment Report: SAR) ระดับคณะ และรายงานผลการดำเนินงานระดับหลักสูตร ปีละ 2 ครั้ง คือภาคเรียนที่ 1 และภาคเรียนที่ 2 โดยมีการกำหนดและระบุไว้ในแผนการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายในของคณะฯ

        ในการกำกับติดตาม ได้กำหนดให้มีการรายงานการประเมินตนเอง (Self-Assessment Report: SAR) และรายงานผลการดำเนินงานระดับหลักสูตร  โดยคณะฯ ได้จัดทำบันทึกขอให้ส่งรายงานการประเมินตนเอง เพื่อเป็นเครื่องมือในการกำกับติดตาม มีรายละเอียดการดำเนินการดังนี้    

          -   ภาคเรียนที่ 1 โดยการจัดทำบันทึกข้อความ ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2562  เรื่อง ติดตามผลการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ประจำปีการศึกษาที่ 1/2562 ระดับคณะและระดับหลักสูตร (เอกสารหมายเลข 5.2-7(7)) และได้รวบรวม จัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร และคณะ เสนอต่อคณะกรรมการประจำคณะ ในการประชุมครั้งที่ 4/2562 เมื่อวันที่ 12 กันยายน  2562 (เอกสารหมายเลข 5.2-7(8))

        -   ภาคเรียนที่ 2 โดยการจัดทำบันทึกข้อความ ลงวันที่ 1 เมษายน 2563 ติดตามผลการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ประจำปีการศึกษาที่ 2/2562 ระดับคณะและระดับหลักสูตร (เอกสารหมายเลข 5.2-7(9)) และได้รวบรวมและจัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับคณะและระดับหลักสูตร เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการประจำคณะ ในการประชุมครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2563 (เอกสารหมายเลข 5.2-7(10)) 

        และได้กำหนดให้หลักสูตรส่งรายงานผลการดำเนินงานระดับหลักสูตร (มคอ.7) ปีการศึกษา 2562 พร้อมทั้งรายงานบนระบบ CHE QA ONLINE โดยได้มีการตรวจประเมินฯ ระดับหลักสูตร เมื่อวันที่ 13 - 15 กรกฎาคม 2563 และในระดับคณะ  ได้กำหนดให้รายงานผลการประเมินตนเอง (Self-Assessment Report: SAR) ปีการศึกษา 2562 พร้อมทั้งรายงานบนระบบ ESAR ของมหาวิทยาลัย และระบบ CHE QA ONLINE  (เอกสารหมายเลข 5.2-7(11)) 

 

        การประเมินคุณภาพ

        คณะฯ มีการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน โดยกำหนดแนวทางในการประเมิน คุณสมบัติของคณะกรรมการประเมินทุกระดับ ระบุไว้ในแผนการดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ประจำปีการศึกษา 2562  ทั้งนี้ คณะฯ มีการกำกับติดตามให้ทุกหน่วยงานคัดเลือกคณะกรรมการประเมินฯ โดยการจัดทำบันทึก เรื่อง ขอแจ้งกำหนดการประเมินคุณภาพการศึกษาภายในระดับคณะ และ ระดับหลักสูตร

ผลคะแนนการประเมินตนเอง
ทำได้ (ข้อ) ได้คะแนน
ึ7 5