ตัวบ่งชี้ที่ 5.2 การบริหารของคณะเพื่อการกำกับติดตามผลลัพธ์ตามพันธกิจ 
กลุ่มสถาบันและเอกลักษณ์ของคณะ

ปีที่ประเมิน 2563
ผู้ดูแลตัวบ่งชี้ : ปิยฉัตร ทองแพง , วีระยุทธ มั่งคั่ง , ณัชฐปกรณ์ สีหะวงษ์สกุล , ณัชฐปกรณ์ สีหะวงษ์สกุล , มณีรัตน์ ปราศจาก , วิชุดา เติมสุข , มณีรัตน์ ปราศจาก , วิชุดา เติมสุข , วีระยุทธ มั่งคั่ง , อรุณ วรรณราช
ชนิดตัวบ่งชี้ : กระบวนการ
คำอธิบายตัวบ่งชี้

คณะมีพันธกิจหลัก คือ การเรียนการสอน การวิจัย การบริการทางวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม ในการดำเนินพันธงานตามกิจหลัก แต่ละคณะจำเป็นต้องมีการจัดทำแผนเพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาและการดำเนินงานของคณะให้สอดคล้องกับเป้าหมาย ตลอดจนมีการบริหารทั้งด้านบุคลากร การเงิน ความเสี่ยงและการประกันคุณภาพการศึกษา เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามพันธกิจหลักให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล คำนึงถึงความหลากหลายและความเป็นอิสระทางวิชาการ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ยืดหยุ่น คล่องตัว โปร่งใสและตรวจสอบได้

เกณฑ์การประเมิน
คะแนน 1 คะแนน 2 คะแนน 3 คะแนน 4 คะแนน 5
มีการดำเนินการ 1 ข้อ มีการดำเนินการ 2 ข้อ มีการดำเนินการ 3 - 4 ข้อ มีการดำเนินการ 5 - 6 ข้อ มีการดำเนินการ 7 ข้อ
เกณฑ์มาตรฐาน
ระดับ เกณฑ์มาตรฐาน ดำเนินการ
1 พัฒนาแผนกลยุทธ์จากผลการวิเคราะห์ SWOT โดยเชื่อมโยงกับวิสัยทัศน์ของคณะและสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของคณะ สถาบัน รวมทั้งสอดคล้องกับกลุ่มสถาบันและเอกลักษณ์ของคณะและและพัฒนาไปสู่แผนกลยุทธ์ทางการเงินและแผนปฏิบัติการประจำปีตามกรอบเวลาเพื่อให้บรรลุผลตามตัวบ่งชี้และเป้าหมายของแผนกลยุทธ์และเสนอผู้บริหารระดับสถาบันเพื่อพิจารณาอนุมัติ
2 ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินที่ประกอบไปด้วยต้นทุนต่อหน่วยในแต่ละหลักสูตร สัดส่วนค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนานักศึกษา อาจารย์ บุคลากร การจัดการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง เพื่อวิเคราะห์ความคุ้มค่าของการบริหารหลักสูตร ประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในการผลิตบัณฑิต และโอกาสในการแข่งขัน
3 ดำเนินงานตามแผนบริหารความเสี่ยง ที่เป็นผลจากการวิเคราะห์และระบุปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยภายนอก หรือปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ที่ส่งผลต่อการดำเนินงานตามพันธกิจของคณะและให้ระดับความเสี่ยงลดลงจากเดิมอย่างน้อย 1 เรื่อง
4 บริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาลอย่างครบถ้วนทั้ง 10 ประการที่อธิบายการดำเนินงานอย่างชัดเจน
5 ค้นหาแนวปฏิบัติที่ดีจากความรู้ทั้งที่มีอยู่ในตัวบุคคล ทักษะของผู้มีประสบการณ์ตรง และแหล่งเรียนรู้อื่นๆ ตามประเด็นความรู้ อย่างน้อยครอบคลุมพันธกิจด้านการผลิตบัณฑิตและด้านการวิจัย จัดเก็บอย่างเป็นระบบโดยเผยแพร่ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรและนำมาปรับใช้ในการปฏิบัติงานจริง
6 การกำกับติดตามผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารและแผนพัฒนาบุคลากรสายวิชาการและสายสนับสนุน
7 ดำเนินงานด้านการประกันคุณภาพการศึกษาภายในตามระบบและกลไกที่เหมาะสมและสอดคล้องกับพันธกิจและพัฒนาการของคณะที่ได้ปรับให้การดำเนินงานด้านการประกันคุณภาพเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารงานคณะตามปกติที่ประกอบด้วย การควบคุมคุณภาพ การตรวจสอบคุณภาพ และการประเมินคุณภาพ
ผลการดำเนินงาน
ตนข้อเกณฑ์ผลการดำเนินงานหลักฐาน
1 พัฒนาแผนกลยุทธ์จากผลการวิเคราะห์ SWOT โดยเชื่อมโยงกับวิสัยทัศน์ของคณะและสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของคณะ สถาบัน รวมทั้งสอดคล้องกับกลุ่มสถาบันและเอกลักษณ์ของคณะและและพัฒนาไปสู่แผนกลยุทธ์ทางการเงินและแผนปฏิบัติการประจำปีตามกรอบเวลาเพื่อให้บรรลุผลตามตัวบ่งชี้และเป้าหมายของแผนกลยุทธ์และเสนอผู้บริหารระดับสถาบันเพื่อพิจารณาอนุมัติ

ผลการดำเนินงาน

          คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ได้จัดประชุมเพื่อทบทวนแผนกลยุทธ์ คณะบริหารธุรกิจ
และการบัญชี ดังหลักฐานที่ 5.2-1(1) โดยให้มีความเชื่อมโยงกับวิสัยทัศน์ของคณะฯ
“คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มุ่งสู่ความเป็นเลิศด้านวิชาการและการพัฒนาทักษะวิชาชีพ ผลิตบัณฑิตที่มีความรู้คู่คุณธรรม  โดยการบูรณาการองค์ความรู้นำไปสู่การพัฒนาสังคมท้องถิ่นและสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของประชาคมโลก” และสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏ
ศรีสะเกษ เป็นต้นแบบการผลิตและพัฒนาครู วิจัย สร้างองค์ความรู้ พัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่นวัตกรรม นำพาเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็ง อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม น้อมนำศาสตร์พระราชา
สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตและการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนภายในปี
2565

          รวมถึงนำผลการประเมินคุณภาพการศึกษาจาก คณะกรรมการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษาจากปีการศึกษา 2562 และคณะกรรมการตรวจประเมินประกันคุณภาพการศึกษาระดับคณะมาพิจารณา ดังหลักฐานที่ 5.2-1(2) ซึ่งได้ให้ข้อเสนอแนะในระดับหลักสูตร โดยให้หลักสูตรพิจารณาดำเนินการ  ในเรื่องของการสร้างเสริมสมรรถนะและทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ ให้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและใช้ในการแสวงหาองค์ความรู้เพื่อพัฒนาตนเอง ตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การปฏิรูปการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ โดยคณะฯได้นำข้อเสนอแนะมาดำเนินการโดย ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการส่งเสริมสมรรถนะและทักษะด้านภาษาอังกฤษแก่นักศึกษา โดยมีรองคณบดีฝ่ายวิชาการเป็นประธาน มีประธานหลักสูตรทุกหลักสูตร เป็นกรรมการ และมีหัวหน้าสำนักงานคณะ เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยคณะกรรมการดังกล่าวมีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและแนวทางในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการส่งเสริมและพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษของบุคลากรและนักศึกษาของคณะ มีการจัดประชุมคณะกรรมการจัดทำแผน วางแผน ติดตามแผน และประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ดังหลักฐานที่ 5.2-1(3)   

           โดยการดำเนินงานในปีการศึกษา 2563 ได้จัดให้นักศึกษาชั้นปีที่ 4 รหัส 60 ทุกหลักสูตรสมัครเข้าสอบตามการประกาศรับสมัครของส่วนกลางเป็นรอบ โดยได้มีการทบทวนแผนเดิมของปีการศึกษา 2562 พบว่าการส่งนักศึกษาเข้าสอบกับส่วนกลางของทางมหาวิทยาลัยเลย มีความเสี่ยงมากที่จำนวนผู้สอบผ่านมีน้อยกว่าเป้าหมายที่กำหนด ดังนั้น ในปีการศึกษา 2563 จึงได้ปรับแผนพัฒนานักศึกษาโดยการจัดอบรมแบบติวก่อนที่จะถึงวันสอบ ใน“โครงการส่งเสริมทักษะภาษาอังกฤษ ประจำปีการศึกษา 2563” โดยนำนักศึกษาชั้นปีที่ 4 เข้าร่วมโครงการ ให้จัดโครงการในเทอม 1/2563 ก่อนที่นักศึกษาจะออกฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ดังหลักฐานที่ 5.2-1(4) ดังหลักฐานที่ 5.2-1(5)   ผลการดำเนินโครงการส่งเสริมทักษะด้านภาษาอังกฤษให้กับนักศึกษาพบว่า มีนักศึกษาเข้าร่วมการทดสอบทักษะภาษาอังกฤษ จำนวน 266 คน คิดเป็นร้อยละ 100 และมีผลการทดสอบตามเกณฑ์มาตรฐาน CEFR ในระดับn B1 ขึ้นไป จำนวน 105 คน คิดเป็นร้อยละ 39.47 โดยมีผลการทดสอบที่เพิ่มขึ้นจาก ปีการศึกษา 2562 ซึ่งได้มีนักศึกษาเข้าร่วมการทดสอบจำนวน 61 คน และมีนักศึกษาที่ผ่านการทดสอบตามเกณฑ์มาตรฐาน CEFR จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อย 16.67 ผลการจัดโครงการพัฒนาบุคลากรด้านภาษาอังกฤษ CEFR ซึ่งมีบุคลากรคณะฯ เข้าร่วมโครงการ จำนวนทั้งสิ้น 43 คน คิดเป็นร้อยละ 100 โดยมีระดับความพึงพอใจรวม 4.54 อยู่ในระดับดีมาก

          และในระดับคณะฯ คณะกรรมการได้ให้ข้อเสนอแนะว่า คณะควรหาแนวทางการเพิ่มสัดส่วนของอาจารย์ที่ดำรงตำแหน่งทางวิชาการให้อยู่ในอัตราที่สูงขึ้น โดยคณะได้นำจุดอ่อนนี้มาวิเคราะห์สภาพแวดล้อม (SWOT) เพื่อการวางแผนปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์โดยการส่งเสริมและกระตุ้นให้อาจารย์มีการขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ทางคณะฯ ได้ส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณในการจัดทำโครงการพัฒนาบุคลากร คือโครงการการจัดการความรู้เพื่อพัฒนาองค์กร (KM) ประจำปีงบประมาณ 2564 ระหว่างวันที่ 24 – 25 ธันวาคม 2563  ณ ห้องประชุมเพลาเพลินบูติครีสอร์ท อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อบูรณาการการจัดการความรู้สู่การพัฒนางานที่ปฏิบัติจริงให้กับคณาจารย์ในการเขียนบทวามเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการ ให้มีจำนวนที่สูงขึ้นตามเกณฑ์ใหม่ ดังหลักฐานที่ 5.2-1(6) โดยในปีการศึกษา 2563 มีคณาจารย์ที่ได้ตำแหน่งทางวิชาการ ได้แก่ 1) ผศ.ดร.ญาณิศา ศรีบุญเรือง 2) ผศ.สุดาทิพย์  เกษจ้อย

           นอกจากนั้นในส่วนที่เป็นจุดแข็งก็ได้มีการพัฒนาเพิ่มเติมโดยจัดให้มีกิจกรรมเสริมการเรียน
ทั้งในหลักสูตรและนอกหลักสูตร โดยคณะฯ ได้ร่วมกับสถานประกอบการในจัดแหล่งฝึกสหกิจเพิ่มเติมนอกจาการฝึกประสบการณ์วิชาชีพปกติ ได้แก่ 1) บริษัท นวลจันทร์แนทเชอรัลจำกัด 2) บริษัทเบทาโก สำนักงานใหญ่ 3)บริษัท อีเกิลส์ แอร์ แอนด์ ซี (ประเทศไทย)จำกัด 4) บริษัท สตาร์ พลาสติก 5)บริษัท APPMAN 6)บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) จังหวัดศรีสะเกษ 7) บริษัท ดีดี ออร์แกนิค 8)บริษัทแมคโคร อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ 9) บริษัท ดับเบิ้ล ไนน์ เอ็นจิเนียริ่งจำกัด 10)บ.จตุรโชค จังหวัดศรีสะเกษ 11)บริษัท นราวดี  พร็อพเพอร์ตี้ 12)บ.ศรีสะเกษกิจเจริญไทย จำกัด 13) บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด ฯลฯ เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติการทำงานจริงกับสถานประกอบการ และคณะได้ส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณให้นักศึกษาได้เข้าร่วมการแข่งขันทางวิชาการและวิชาชีพกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยนักศึกษาที่ปฏิบัติงานสหกิจศึกษาและได้นำผลงานสหกิจศึกษาเข้าประกวดผลงานร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโทยีสุรนารี ประจำปีการศึกษา 2563 ได้รับรางวัลยกย่องจำนวน 2  สาขาดังนี้ คือ1) สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์การเงินการคลัง คือ นาย ศตวรรษ อุ่นจิตร ได้รับรางวัลในการประกวดผลงานสหกิจศึกษาชนะเลิศ ประเภทนำเสนอโปสเตอร์ 2) สาขาวิชาการจัดการ คือ นางสาวปวีณา  โพธิ์ขาว ได้รับรางวัลในการประกวดผลงานสหกิจศึกษา รองชนะเลิศอันดับที่ 2  ประเภทนำเสนอโปสเตอร์

       ในระดับหลักสูตรคณะได้ปรับปรุงหลักสูตรให้เป็นหลักสูตร wil  คือหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก สกอ. ในการปรับปรุง
และพัฒนาหลักสูตรการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ ให้เป็นหลักสูตรบูรณาการกับการทำงาน (
WIL)
อีกทั้งได้ทำความร่วมมือกับเครือข่ายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในการจัดการศึกษาร่วมกันในลักษณะของการจัดการศึกษาแบบสหกิจศึกษา ได้แก่ บริษัท บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด และบริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) นอกจากนั้นทางคณะฯ ได้นำแผนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฯ มาเป็นแนวทางในการทบทวนโดยเพิ่มพันธกิจของคณะฯ และการจัดทำแผนกลยุทธ์ทางการเงิน
และแผนปฏิบัติงานในการดำเนินงานโครงการ / กิจกรรมในปีงบประมาณ 2565 เสนอต่อคณะกรรมการบริหารคณะฯ ดังหลักฐานที่ 5.2- 1(7) เสนอต่อการประชุมกรรมการประจำคณะ ดังหลักฐานที่ 5.1-1(8) และเสนอต่อการประชุมกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ

2 ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินที่ประกอบไปด้วยต้นทุนต่อหน่วยในแต่ละหลักสูตร สัดส่วนค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนานักศึกษา อาจารย์ บุคลากร การจัดการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง เพื่อวิเคราะห์ความคุ้มค่าของการบริหารหลักสูตร ประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในการผลิตบัณฑิต และโอกาสในการแข่งขัน

        คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานการวิเคราะห์ต้นทุนต่อหน่วย ปีการศึกษา 2563 5.2-2(1) เพื่อดำเนินการวิเคราะห์ความคุ้มทุนทางการเงินด้วยต้นทุนต่อหน่วยระดับหลักสูตรที่สังกัดคณะเพื่อวิเคราะห์ความคุ้มค่าของการบริหารหลักสูตร โดยยึดถือตามนโยบายของมหาวิทยาลัยตามคู่มือรายงานต้นทุนต่อหน่วยและความคุ้มค่าของหลักสูตรมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ 5.2-2(2) เพื่อเป็นข้อมูลกลางให้กับทุกหลักสูตรในมหาวิทยาลัยและให้ทุกหลักสูตรใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ต้นทุนให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี จึงได้นำข้อมูลดังกล่าวมาเป็นพื้นฐานในการวิเคราะห์ข้อมูลความคุ้มทุนในหลักสูตรที่สังกัดคณะฯโดยวิเคราะห์ความคุ้มทุนเฉพาะหลักสูตรระดับปริญญาตรี 8 หลักสูตร โดยการวิเคราะห์ทั้งจากต้นทุนทางตรง ต้นทุนทางอ้อม ต้นทุนรวมพร้อมกันนี้ยังได้วิเคราะห์จากปัจจัยต่างๆที่จะส่งผลไม่ว่าจะเป็นต้นทุนคงที่ ต้นทุนผันแปรและต้นทุนรวมในการผลิตบัณฑิตของคณะฯ จากการวิเคราะห์ต้นทุนต่อหน่วยการผลิตบัณฑิตและความคุ้มค่าของการบริหารหลักสูตร ประจำปีการศึกษา 2563 พบว่ามีความคุ้มค่า 8 หลักสูตร คิดเป็นร้อยละ100 5.2-2(3)

       ประสิทธิภาพในการผลิตบัณฑิตจากการประเมินหลักสูตรพบว่าทั้ง 8 หลักสูตร มีผลคะแนนอยู่ในระดับดี มีอัตราการสำเร็จของนักศึกษาเพิ่มขึ้น 5.2-2(3) 

ประสิทธิผลในการผลิตบัณฑิต ในปีการศึกษา 2563 คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มีจำนวนผู้สำเร็จการศึกษา 310 คน มีจำนวนบัณฑิตที่มีงานทำ คิดเป็นร้อยละ 86.67 5.2-2(3)

        โอกาสในการแข่งขัน คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีมีค่าธรรมเนียมวิชาชีพเทอมละ 1,000 บาท และค่าเทอม เทอมละ 8,000 บาท ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับสถาบันการศึกษาที่อยู่ใกล้เคียงแล้วคณะบริหารธุรกิจและการบัญชีมีค่าธรรมเนียมการศึกษาที่ต่ำกว่า ส่งผลต่อโอกาสที่นักเรียนจะเลือกศึกษาต่อในคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี 5.2-2(3)

3 ดำเนินงานตามแผนบริหารความเสี่ยง ที่เป็นผลจากการวิเคราะห์และระบุปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยภายนอก หรือปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ที่ส่งผลต่อการดำเนินงานตามพันธกิจของคณะและให้ระดับความเสี่ยงลดลงจากเดิมอย่างน้อย 1 เรื่อง

          คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ดำเนินการแต่งตั้งบุคลากรปฏิบัติหน้าที่งานบริหารความเสี่ยง คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ประจำปีการศึกษา 2563  โดยมีลำดับการดำเนินงาน ดังนี้

              1) แต่งตั้งคณะกรรมการการบริหารความเสี่ยง ประจำปีงบประมาณ 2564

              2) ร่วมกำหนดนโยบายแนวทางในการบริหารความเสี่ยง

              3) ประชุมและร่วมกำหนดประเด็นความเสี่ยง

              4) ประเมินโอกาสและผลกระทบของความเสี่ยง ตลอดจนจัดลำดับความเสี่ยง

              5) ร่วมจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงที่มีระดับความเสี่ยงสูง โดยกำหนดมาตรการหรือแผนปฏิบัติการที่จะสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับบุคลากรในหน่วยงานและดำเนินการตามแผน

             6) ร่วมพิจารณาแผนบริหารความเสี่ยงที่เหลืออยู่ รวมทั้งความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นใหม่ จากนโยบายเพื่อดำเนินการปรับแผนและวิเคราะห์ความเสี่ยงในรอบการดำเนินงานถัดไป

             7) ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนและรายงานผลการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค และแนวทางการแก้ไข พร้อมข้อเสนอแนะในการปรับปรุงแผนการดำเนินงาน

         คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงได้ดำเนินการจัดลำดับปัจจัยเสี่ยง  ความเสี่ยง  ตลอดจนพิจารณาความเสี่ยงปีงบประมาณ 2563  ซี่งบริหารความเสี่ยงในเรื่องยุทธศาสตร์/กลยุทธ์ซึ่งได้มีการจัดการความเสี่ยงเรียบร้อยแล้ว  ดังนั้นคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงจึงได้ร่วมพิจารณาความเสี่ยงในประเด็นใหม่ปีงบประมาณ 2564  โดยมีความเสี่ยงเรื่องจำนวนนักศึกษาที่ลดลง  และการจัดสรรเงินงบประมาณด้านการวิจัยลดลง พร้อมทั้งพิจารณาเป็นรายประเด็นแล้วนั้นนับว่าจึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงได้ทำแผนบริหารความเสี่ยง จำนวน แผน  ได้แก่

         แผนบริหารความเสี่ยง คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ประจำปีงบประมาณ 2564   แบ่งความเสี่ยงออกเป็น 2 ด้าน  คือ

                1. ความเสี่ยงด้านการรับนักศึกษา

                2. ความเสี่ยงด้านการจัดสรรเงินงบประมาณการวิจัย

 

แผนบริหารความเสี่ยง คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ประจำปีงบประมาณ 2564  มีการดำเนินงาน ดังนี้

 

  1. แผนบริหารความเสี่ยงด้านการรับนักศึกษา

                คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงได้ประเมินความเสี่ยงและปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ ความเสี่ยงด้านการรับนักศึกษา มีความเสี่ยงสูงมากเป็นลำดับที่ 1 โดยแยกรายละเอียดดังนี้

 

 

 

ขั้นตอน

ความเสี่ยงที่คงเหลืออยู่

การจัดการความเสี่ยง

แนวทางแก้ไข

ปัญหา/อุปสรรค

1.การแต่งตั้งคณะทำงานการรับนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี

คณะกรรมการขาดความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย

ประชุมชี้แจงให้ทราบความสำคัญ สร้างความตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

ประสานงานฝ่ายแนะแนวการศึกษาต่อของแต่โรงเรียนเพื่อนัดหมายเวลา

อาจารย์มีภาระงานรับผิดชอบทำให้เวลาว่างไม่ตรงกัน

2.การกำหนดนโยบายกลยุทธ์  วิธีการปฏิบัติ

คณะกรรมการขาดความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมาย

ประชุมให้ความรู้ จัดผู้มีประสบการณ์การประจำแต่ละทีม

ในการออกแนะแนวการศึกษาในแต่ละวันต้องมีอาจารย์คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีร่วมเดินทางเพื่อแนะแนวด้วย

คณะฯ อนุมัติให้อาจารย์สามารถนำรถส่วนตัวออกแนะแนวได้

บางครั้งมีจำนวนอาจารย์ร่วมเดินทางแนะแนวจำนวนมาก ทำให้มียานพาหนะไม่เพียงพอ และไม่ทราบวันที่แน่นอน

 

ขั้นตอน

ความเสี่ยงที่คงเหลืออยู่

การจัดการความเสี่ยง

แนวทางแก้ไข

ปัญหา/อุปสรรค

3.การนำวิธีการไปสู่การปฏิบัติ

การรับนักศึกษาผ่านระบบกลางของมหาวิทยาลัยเท่านั้น

คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีประสานงานฝ่ายแนะแนวการศึกษาแต่ละโรงเรียนเพื่อติดต่อเข้าประชาสัมพันธ์เชิงรุกสำหรับนักเรียนที่จะจบการศึกษา

ปรับเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมเสริมในการแนะแนวเชิงรุก

จำนวนเวลาในการแนะแนวมีจำกัด เนื่องจากการออกแนะแนวตรงกับมหาวิทยาลัยอื่น และมีจำนวนมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั้งภายในและภายนอกจังหวัดทำการแนะแนวในวันเดียวกัน

 

ผลจากการจัดการความเสี่ยง

           จากการบริหารความเสี่ยงด้านการรับนักศึกษา มีผลการดำเนินงานดังตารางต่อไปนี้

 

 

 

 

ตารางจำนวนนักศึกษาเปรียบเทียบ ปีการศึกษา 2563 – 2564

สาขาวิชา

จำนวนนักศึกษา

ร้อยละ

เพิ่ม/ลด

ปีการศึกษา 2563

(คน)

ปีการศึกษา 2564

(คน)

การจัดการ

22

17

-21.05

การตลาด

20

20

17.65

คอมพิวเตอร์ธุรกิจดิจิทัล

19

27

66.67

บริหารธุรกิจระหว่างประเทศ

12

8

-27.27

เศรษฐศาสตร์การเงินและการคลัง

4

-

-100

การท่องเที่ยวและการโรงแรม

39

18

-46.88

การบัญชี

80

76

11.76

การจัดการธุรกิจการค้าสมัยใหม่

21

17

-5.88

รวมทั้งสิ้น

217

183

-3.28

 

       ผลจากการจัดการความเสี่ยงในปีการศึกษา 2563  พบว่า แม้ภาพรวมการรับนักศึกษาจะมีจำนวนลดลงไม่เป็นไปตามแผนการรับสมัคร แต่มี 1 สาขาวิชาที่มีนักศึกษาเพิ่มขึ้น และมี 2 สาขาวิชาที่มีจำนวนนักศึกษาอยู่ในระดับที่ยอมรับได้

      ดังนั้นทางคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงจึงมีความเห็นว่ายังคงต้องมีการบริหารความเสี่ยงในการศึกษา 2564 ต่อไป เพื่อเพิ่มจำนวนนักศึกษาให้เป็นไปตามแผนรับที่กำหนดไว้  โดยเสนอแนวทางการดำเนินงาน ดังนี้

  1. คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีประสานงานกับหน่วยงานภายในและภายนอกจังหวัด เพื่อจัดทำ MOU เพื่อผลิตบัณฑิตให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้บัณฑิต
  2. การจัดกิจกรรมทางสื่อออนไลน์เพื่อแนะนำสาขาวิชาในการประชาสัมพันธ์เชิงรุก

        2.แผนบริหารความเสี่ยงด้านการจัดสรรเงินงบประมาณการวิจัย

                คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงได้ประเมินความเสี่ยงและปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ ความเสี่ยงด้านการจัดสรรเงินงบประมาณการวิจัย มีความเสี่ยงสูงมากเป็นลำดับที่ 1 ดังรายละเอียด

ขั้นตอน

ความเสี่ยงที่คงเหลืออยู่

การจัดการความเสี่ยง

แนวทางแก้ไข

ปัญหา/อุปสรรค

1.กำหนดนโยบาย กลยุทธ์ วิธีการปฏิบัติ

การดำเนินงานไม่ต่อเนื่องตามขั้นตอน

ขาดการควบคุมและขาดงบประมาณสนับสนุน

คณะกรรมการวิจัยได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน

แนะนำแหล่งทุนภายนอก ตลอดจนปรับกระบวนการการทำวิจัยผ่านโครงการฯ ที่ได้รับจัดสรรจากมหาวิทยาลัย

บุคลากรได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากแหล่งทุนภายนอกน้อย

2.การนำวิธีการสู่การปฏิบัติ

กระบวนการทำงานยังไม่ครอบคลุม

ประชุมชี้แจงให้บุคลากรรับทราบถึงความสำคัญ และสร้างความตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

ประชุมชี้แจงการจัดเตรียมข้อเสนอโครงการวิจัยให้เป็นไปตาม TOR ของแหล่งทุน

บุคลากรเขียนข้อเสนอโครงการวิจัยไม่ตรงตาม TOR ของแหล่งทุน

 

 

 

  ผลจากการจัดการความเสี่ยง

           จากการบริหารความเสี่ยงด้านการจัดสรรเงินงบประมาณการวิจัย มีผลการดำเนินงานดังนี้

            1. ประชุมมอบหมายให้แต่ละสาขา นำนโยบายที่ได้จากการจัดทำแผนกลยุทธ์ประจำปี พ.ศ.2562 – 2565 และแผนปฏิบัติราลการประจำปีงบประมาณ 2564 ร่วมวางแผนการดำเนินงานเพื่อจัดทำโครงการ  ตลอดจนกิจกรรมให้สอดคล้องกับงบประมาณและนโยบายของคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี และมหาวิทยาลัยราชภัฏ

            โดยมีการปรับปรุงการดำเนินงาน คือ มอบหมายแต่ละสาขาวิชาเข้าร่วมทำกิจกรรม/โครงการที่มีความสอดคล้องกันในแต่ละสาขาวิชาเพื่อประหยัดงบประมาณและใช้งบประมาณที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่า มอบหมายผู้รับผิดชอบและระยะเวลาที่จะดำเนินการให้ชัดเจน  เพื่อที่จะสามารถติดตามผลการดำเนินกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ

            2. คณะกรรมการการจัดการความรู้ ร่วมกับงานวิจัยและบริการวิชาการคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ได้จัดกิจกรรมการทำวิจัยที่มีคุณภาพให้กับบุคลากรเพื่อเขียนข้อเสนอวิจัยให้ตรงตาม TOR ของแต่ละแหล่งทุน ดังตารางต่อไปนี้

ตารางเปรียบเทียบงบประมาณที่ได้รับการอุดหนุนจากแหล่งทุนภายในและภายนอก ประจำปีงบประมาณ 2563 - 2564

ประเภทแหล่งทุน

ปีงบประมาณ

เพิ่ม/ลด

(บาท)

2563

จำนวนเงิน (บาท)

2564

จำนวนเงิน (บาท)

แหล่งทุนภายใน

120,000

304,000

+184,000

แหล่งทุนภายนอก

778,500

950,000

+171,500

         จากตารางดังกล่าวจะเห็นได้ว่า คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีได้รับเงินอุดหนุนวิจัยเพิ่มมากขึ้นจากแหล่งทุนภายในและภายนอก

4 บริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาลอย่างครบถ้วนทั้ง 10 ประการที่อธิบายการดำเนินงานอย่างชัดเจน

คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ได้บริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล โดยยึดหลักนิติธรรม ความโปร่งใส การมีส่วนร่วม ความรับผิดชอบตรวจสอบได้ตลอดจนความคุ้มค่า และอาศัยหลักคุณธรรมในการกำกับดูแลด้านต่างๆที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จและก้าวหน้า คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี บริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล 10 ประการ ดังนี้

1.หลักประสิทธิผล (Effectiveness) คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ยึดหลักการบริหารงานโดยคำนึงถึงความมีประสิทธิผล (Effectiveness) โดยได้จัดทำแผนปฏิบัติการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ตามเอกสาร 5.2-4(1) โดยกำหนดยุทธศาสตร์และเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน และมีการติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ อาทิ การรายงานผลการดำเนินงานคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ตามเอกสาร 5.2-4(2)  ต่อคณะกรรมการประจำคณะ ตามเอกสาร 5.2-4(3)

2.หลักประสิทธิภาพ (Efficiency) คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มีการบริหารงานด้วยหลักประสิทธิภาพ โดยมีการ บริหารจัดการด้วยการกำหนดความรับผิดชอบและมอบหมายงานแก่รองคณบดี ตามเอกสาร 5.2-4(4) ผู้ช่วยคณบดีอย่างชัดเจน ตามเอกสาร 5.2-4(5) คณะฯ มีการจัดสรรงบประมาณให้กับสาขาวิชาและหน่วยงานในสังกัดคณะฯ เพื่อดำเนินโครงการให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนปฏิบัติการ และมีการติดตาม ควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณที่จัดสรรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตามเอกสาร 5.2-4(6)  โดยให้แต่ละสาขาและหน่วยงานส่งรายงานการใช้งบประมาณเป็นรายไตรมาส ตามเอกสาร 5.2-4(7)  

3.หลักการตอบสนอง(Responsiveness) คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชีบริหารงานโดยนำหลักมาตอบสนอง มาใช้ในการบริหารเพื่อสร้างความไว้ใจความเชื่อมั่น รวมถึงตอบสนองต่อผู้รับบริการ โดยมีกลไกและกระบวนการการบริหารจัดการภายในมหาวิทยาลัยที่มีประสิทธิภาพ มีความเป็นธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ ภายใต้กรอบการปฏิบัติที่ชัดเจนรวมถึงเปิดโอกาสและช่องทางในการ ร้องทุกข์ของบุคลากรและนักศึกษาผ่านสายตรงคณบดี เฟสบุ๊คคณะ และไลน์คณะ ตามเอกสาร 5.2-4(8) 

 

4.หลักภาระรับผิดชอบ (Accountability) คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มีการกระจายอำนาจในการบริหารงานให้กับรองคณบดี และ ผู้ช่วยคณบดี ตามเอกสาร  5.2-4(9) มีการควบคุมภายในโดยคณะฯตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ตามเอกสาร 5.2-4(10) เพื่อทำหน้าที่ควบคุมการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติราชการประจำปี และมีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกิดจากการดำเนินงาน ตามเอกสาร 5.2-4(11)     

5.หลักความโปร่งใส (Transparency) มีการประกาศ แจ้งข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างทั่วถึง จัดทำหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน การจัดซื้อจัดจ้างอย่างเป็นระบบและตรวจสอบได้ และจัดทำรายงานผลการใช้เงินผ่านการประชุมกรรมการประจำคณะ ตามเอกสาร 5.2-4(12)

6.หลักการมีส่วนร่วม (Participation) คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชีเปิดโอกาสให้บุคลากรมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น เสนอปัญหา และตัดสินใจร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาโดยคณะฯ ได้มีการจัดประชุมอาจารย์ และเจ้าหน้าที่ ตามเอกสาร 5.2-4(13)  

7.หลักการกระจายอำนาจ (Decentralization) คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มีการมอบอำนาจ ในการตัดสินใจให้กับรองคณบดี ผู้ช่วยคณบดี ในในการปฏิบัติงานในส่วนของความรับผิดชอบทั้งทางด้านวิชาการ งานวิจัย งานนักศึกษา บริหารบุคคล งานประกันคุณภาพการศึกษาและงานบริหารงานทั่วไป ตามเอกสาร 5.2-4(14)

๘.หลักนิติธรรม (Rule of law) คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ยึดแนวปฏิบัติระเบียบข้อบังคับต่างๆของทางมหาวิทยาลัยและได้มีการออกแนวปฏิบัติระเบียบข้อบังคับต่างๆ ขึ้นตามบริบทของคณะฯ เพื่อยึดถือเป็นแนวปฏิบัติร่วมกัน และบริหารงานด้วยความเป็นธรรมโดยคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของคณาจารย์และบุคลากรภายในคณะฯ เป็นหลัก ตามเอกสาร 5.2-4(15)

มีกระบวนการพิจารณาความผิดและกำหนดบทลงโทษอย่างเป็นธรรม เช่น รายงานการตรวจสอบอาจารย์ที่ส่งเกรดผิด ตามเอกสาร 5.2-4(16)

9.หลักความเสมอภาค (Equity) คณบดี คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มีการดูแล การให้บริการแก่นักศึกษาบุคลากรภายในและบุคลากรภายนอกที่เข้ามาติดต่อใช้บริการ โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ เช่น มีนโยบายในการสนับสนุนให้บุคลากรทุกคนได้พัฒนาตนเองอย่างเสมอภาคโดยจัดเตรียมงบประมาณสนับสนุนสายวิชาการ 5,000 บาทต่อคนต่อปี สายสนับสนุน 5,000 บาทต่อคนต่อปี เนื่องจากเห็นความสำคัญของการพัฒนาตนเอง เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมาพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามเอกสาร 5.2-4(17) ด้านนักศึกษาได้ให้บริการแก่นักศึกษาทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เช่น นโยบายการจัดกิจกรรมนักศึกษาได้ส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณให้นักศึกษามีส่วนร่วมและได้รับบริการด้านกิจกรรมนักศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน ตามเอกสาร 5.2-4(18)

10.หลักมุ่งเน้นฉันทามติ  (Consensus Oriented)  มีการสำรวจความต้องการในการปฏิบัติงาน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาตนเองของบุคลากร                          คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ตามเอกสาร 5.2-4(19) ผู้บริหารเปิดโอกาสให้อาจารย์และเจ้าหน้าที่มีส่วนร่วมในการพิจารณาและตัดสินในร่วมกัน เช่น โครงการพัฒนาบุคลากร ตามเอกสาร 5.2-4(20) 

5 ค้นหาแนวปฏิบัติที่ดีจากความรู้ทั้งที่มีอยู่ในตัวบุคคล ทักษะของผู้มีประสบการณ์ตรง และแหล่งเรียนรู้อื่นๆ ตามประเด็นความรู้ อย่างน้อยครอบคลุมพันธกิจด้านการผลิตบัณฑิตและด้านการวิจัย จัดเก็บอย่างเป็นระบบโดยเผยแพร่ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรและนำมาปรับใช้ในการปฏิบัติงานจริง

         เป้าหมาย คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีในปีการศึกษา 2563 ค้นหาแนวปฏิบัติที่ดีจากความรู้ทั้งที่มีอยู่ในตัวบุคคล ทักษะของผู้มีประสบการณ์ตรงและแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ ตามประเด็นความรู้ อย่างน้อยครอบคลุมพันธกิจด้านการผลิตบัณฑิตและด้านการวิจัยมีการจัดเก็บอย่างเป็นระบบโดยเผยแพร่ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรและนำมาปรับใช้ในการปฏิบัติจริง

         1) คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการการจัดการความรู้ ประจำปีการศึกษา 2563 เพื่อบริหารจัดการความรู้และที่มีอยู่ภายในตัวบุคคล รวบรวม จัดระบบความรู้เพื่อจัดทำร่างแผนการจัดการความรู้ ประจำปีการศึกษา 2563  โดยคณะกรรมการจัดการความรู้ได้ดำเนินการประชุมและมีการวางแผน และกำหนดประเด็นการจัดการความรู้ โดยมีมติที่ประชุมดำเนินการจัดการความรู้ จำนวน 2 ประเด็น

                    (1) แผนการจัดการความรู้ด้านการผลิตบัณฑิต  KM Focus Area : เรื่องการจัดการเรียนการเรียนการสอนแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดทำ มคอ.2 และ มคอ.7 โดยมีการเผยแพร่เทคนิคที่ถูกต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เนื่องจากมีหลายหลักสูตรที่มีการเข้าสู่รอบระยะเวลาปรับปรุงหลักสูตรให้มีความทันสมัย และมีการนำหลักการบูรณาการการเรียนการสอนกับการทำงาน WIL จากสาขาธุรกิจระหว่างประเทศมาเป็นต้นแบบของหลักสูตร WIL อีกด้วย

                    (2) แผนการจัดการความรู้ด้านการวิจัย KM Focus Area : เรื่องการจัดการความรู้แนวปฏิบัติที่ดีเทคนิคการทำวิจัยที่มีคุณภาพในระดับสากลและการตีพิมพ์ในระดับชาติและระดับนานาชาติ เนื่องจากสาขาวิชาการบัญชีมีอาจารย์ที่ได้รับทุนอุดหนุนวิจัย จากแหล่งทุนภายนอกและมีผลงานวิจัยที่ได้รับรางวัลจาก วช. ตลอดจนมีผลงานวิจัยได้รับการตีพิมพ์ในระบบนานาชาติเป็นจำนวนมาก

        2) หัวหน้างานการจัดการความรู้ เสนอแผนการจัดการความรู้ ประจำปีการศึกษา 2563  เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติราชการร่วมกันในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารประจำคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี เพื่อบรรจุอยู่ในแผนปฏิบัติราชการ โดยมติที่ประชุมเห็นชอบกับแผนการจัดการความรู้

        3) คณะกรรมการงานการจัดการความรู้ ได้ดำเนินการประชุมเพื่อกำหนดผู้รับผิดชอบโครงการการจัดการความรู้ ประจำปีการศึกษา 2563

                (3.1) ด้านการผลิตบัณฑิต  KM Focus Area : เรื่องการจัดการเรียนการเรียนการสอนแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดทำ มคอ.2 และ มคอ.7 โดยมีการมอบหมาย อาจารย์เกษม เปนาละวัด และเจ้าหน้าที่สำนักงาน

                (3.2) ด้านการวิจัย KM Focus Area : เรื่องการจัดการความรู้แนวปฏิบัติที่ดีเทคนิคการทำวิจัยที่มีคุณภาพในระดับสากลและการตีพิมพ์ในระดับชาติและระดับนานาชาติ โดยมีการมอบหมาย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิยฉัตร ทองแพง และเจ้าหน้าที่สำนักงาน

        4) ตลอดปีการศึกษา 2563  คณะกรรมการการจัดการความรู้ได้ดำเนินกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยแยกประเด็น ดังนี้

 

ด้านการผลิตบัณฑิต  KM Focus Area : เรื่องการจัดการเรียนการเรียนการสอนแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดทำ มคอ.2 และ มคอ.7

         1. คณะกรรมการการจัดการความรู้ ประชุมและวางแผนการจัดทำโครงการการจัดการความรู้ด้านการวิจัย หัวข้อ แนวปฏิบัติที่ดีในการจัดทำ มคอ.2 และ มคอ.7 โดยมีการมอบหมาย อาจารย์เกษม  เปนาละวัด และเจ้าหน้าที่สำนักงาน

         2. การดำเนินการกิจกรรมการจัดการความรู้ หัวข้อ แนวปฏิบัติที่ดีในการจัดทำ มคอ.2 และ มคอ.7 คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี และมีการขออนุมัติกิจกรรมตลอดจนงบประมาณตามแผนที่กำหนดไว้

         3. ผู้รับผิดชอบกิจกรรมดำเนินการจัดการความรู้เพื่อศึกษาแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดทำ มคอ.2 และ มคอ.7  โดยมีสาขาธุรกิจระหว่างประเทศมาเป็นต้นแบบของหลักสูตร WIL เทคนิควิธีการจัดทำ มคอ.และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.     ปิยฉัตร ทองแพง เป็นตัวแทนสาขาวิชาการบัญชีซึ่งเป็นต้นแบบในการจัดทำ มคอ.7 เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ประกันคุณภาพ คปภ. ได้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีการถ่ายทอดประสบการณ์ในเตรียม มคอ.2 ให้มีความสอดคล้องกับบริบทของคณะ  ตลอดจนการเตรียม มคอ.7 อย่างมีประสิทธิภาพ  โดยมีการจัดกิจกรรมทั้งหมด 3 ครั้ง ในระหว่างเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2563

             3.1)  กิจกรรมครั้งที่ 1 เป็นการจัดกิจกรรมการจัดการความรู้ภายในกับอาจารย์ตัวแทนสาขาวิชา และคณะกรรมการการจัดการความรู้คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี

             3.2) กิจกรรมครั้งที่ เป็นการจัดกิจกรรมการจัดการความรู้ภายนอกกับเครือข่ายการศึกษา และคณะกรรมการการจัดการความรู้คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี

             3.3) กิจกรรมครั้งที่ เป็นการจัดกิจกรรมการประมวล และกลั่นกรองความรู้ คณะกรรมการการจัดการความรู้ คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี พิจารณาเอกสารประกอบ และสรุปประเด็นของเนื้อหาความถูกต้องและจัดทำเป็นรูปเล่มองค์ความรู้ (ร่าง) แนวปฏิบัติที่ดีเพื่อเตรียมเผยแพร่

             3.4) หัวหน้างานการจัดการความรู้ นำส่งแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดทำ มคอ.2 และ มคอ.7 ต่อคณบดี

             3.5) หัวหน้างานการจัดการความรู้ จัดทำหนังสือประชาสัมพันธ์เพื่อเผยแพร่แนวปฏิบัติที่ดีในการจัดทำ มคอ.2 และ มคอ.7 ผ่านทางช่องทางสื่อโซเชียลทั้งภายในและภายนอกคณะ

             3.6) หัวหน้างานการจัดการความรู้ ได้รับเชิญในการร่วมถ่ายทอดแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดทำ มคอ.2 และ มคอ.7 ให้กับหน่วยงานภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยให้กับเครือข่ายการวิจัย

 

ด้านการวิจัย KM Focus Area : เรื่องการจัดการความรู้แนวปฏิบัติที่ดีเทคนิคการทำวิจัยที่มีคุณภาพในระดับสากลและการตีพิมพ์ในระดับชาติและระดับนานาชาติ

         1. คณะกรรมการการจัดการความรู้ ประชุมและวางแผนการจัดทำโครงการการจัดการความรู้ด้านการวิจัย หัวข้อ แนวปฏิบัติที่ดีเทคนิคการทำวิจัยที่มีคุณภาพในระดับสากลและการตีพิมพ์ในระดับชาติและระดับนานาชาติ โดยมีการมอบหมาย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิยฉัตร ทองแพง และเจ้าหน้าที่สำนักงาน

         2. การดำเนินการกิจกรรมการจัดการความรู้ หัวข้อ แนวปฏิบัติที่ดีเทคนิคการทำวิจัยที่มีคุณภาพในระดับสากลและการตีพิมพ์ในระดับชาติและระดับนานาชาติ คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี และมีการขออนุมัติกิจกรรมตลอดจนงบประมาณตามแผนที่กำหนดไว้

         3. ผู้รับผิดชอบกิจกรรมดำเนินการจัดการความรู้เพื่อศึกษาแนวปฏิบัติที่ดี เทคนิคการทำวิจัยที่มีคุณภาพในระดับสากลและการตีพิมพ์ในระดับชาติและระดับนานาชาติ โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิยฉัตร ทองแพงเป็นอาจารย์ต้นแบบ ได้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีการถ่ายทอดประสบการณ์ในการเขียนข้อเสนอวิจัยที่มีคุณภาพ  ตลอดจนการจัดเตรียมบทความวิจัยเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารระดับนานาชาติ ที่อยู่ในฐาน Scopus  และได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากเครือข่ายการวิจัย ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรชัย รัตนสุข มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด เพื่อร่วมสกัดแนวทางและเทคนิคการตีพิมพ์ในระดับนานาชาติ โดยมีการจัดกิจกรรมทั้งหมด 3 ครั้ง ในระหว่างเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2563

             3.1)  กิจกรรมครั้งที่ 1 เป็นการจัดกิจกรรมการจัดการความรู้ภายในกับอาจารย์ตัวแทนสาขาวิชา และคณะกรรมการการจัดการความรู้คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี

             3.2) กิจกรรมครั้งที่ เป็นการจัดกิจกรรมการจัดการความรู้ภายนอกกับเครือข่ายวิจัยภายนอก  และคณะกรรมการการจัดการความรู้คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี

             3.3) กิจกรรมครั้งที่ เป็นการจัดกิจกรรมการประมวล และกลั่นกรองความรู้ คณะกรรมการการจัดการความรู้ คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี พิจารณาเอกสารประกอบ และสรุปประเด็นของเนื้อหาความถูกต้องและจัดทำเป็นรูปเล่มองค์ความรู้ (ร่าง) แนวปฏิบัติที่ดีเพื่อเตรียมเผยแพร่

             3.4) หัวหน้างานการจัดการความรู้ นำส่งแนวปฏิบัติที่ดีเทคนิคการทำวิจัยที่มีคุณภาพในระดับสากลและการตีพิมพ์ในระดับชาติและระดับนานาชาติต่อคณบดี

             3.5) หัวหน้างานการจัดการความรู้ จัดทำหนังสือประชาสัมพันธ์เพื่อเผยแพร่แนวปฏิบัติที่ดีเทคนิคการทำวิจัยที่มีคุณภาพในระดับสากลและการตีพิมพ์ในระดับชาติและระดับนานาชาติ ผ่านทางช่องทางสื่อโซเชียลทั้งภายในและภายนอกคณะ

             3.6) หัวหน้างานการจัดการความรู้ ได้รับเชิญในการร่วมถ่ายทอดแนวปฏิบัติที่ดีเทคนิคการทำวิจัยที่มีคุณภาพในระดับสากลและการตีพิมพ์ในระดับชาติและระดับนานาชาติให้กับหน่วยงานภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยให้กับเครือข่ายการวิจัย

 

ด้านการเผยแพร่และแบ่งปัน

            ในปีการศึกษา 2563  งานการจัดการความรู้ คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ได้ดำเนินการการเผยแพร่และแบ่งปัน เพื่อสร้างองค์ความรู้และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการผลิตบัณฑิตและด้านการวิจัย ให้กับบุคลากร นักศึกษา ตลอดจนหน่วยงานภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแพร่หลายจนสามารถทำให้บุคคลภายนอกมหาวิทยาลัยนำแนวปฏิบัติที่ดีเทคนิคการทำวิจัยที่มีคุณภาพในระดับสากลและการตีพิมพ์ในระดับชาติและระดับนานาชาติไปใช้จนเกิดผลสามารถตีพิมพ์บทความวิจัยในวารสารระดับนานาชาติ ที่อยู่ในฐาน Scopus ได้  และหลักสูตรที่ครบรอบระยะเวลาในการปรับปรุงหลักสูตร สามารถนำแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดทำ มคอ.2 และผ่านการพิจารณาความสอดคล้องของหลักสูตรจาก สกอ.   นอกจากนี้สามารถนำแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดทำ มคอ.7 ไปใช้พัฒนาการจัดทำ มคอ.7 ของแต่ละหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับรอบการประเมินประกันคุณภาพการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2563 โดยมีผลคะแนนการประเมินประกันคุณภาพการศึกษา จำนวน 8 หลักสูตร อยู่ใน ระดับ ดี และมีพัฒนาการในการเขียนรายงานผลการดำเนินงานเป็นไปตามระบบวงจรคุณภาพมากยิ่งขึ้น

 

6 การกำกับติดตามผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารและแผนพัฒนาบุคลากรสายวิชาการและสายสนับสนุน

ผลการดำเนินงาน

        คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ จัดทำแผนบริหารและแผนพัฒนาบุคลากร คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ดังหลักฐานที่ 5.2-6(1) เพื่อกำหนดเป้าหมายและทิศทาง
การพัฒนาบุคลากรสายวิชาการและสายสนับสนุนให้สอดคล้องกับการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และเพื่อให้การดำเนินงานมีความสอดคล้องและบรรลุตามแผนยุทธศาสตร์
ของมหาวิทยาลัย ในด้านการบริหารและพัฒนาบุคลากรตามยุทธศาสตร์ที่ 6 การพัฒนาระบบการบริหารและการจัดการของมหาวิทยาลัย โดยยึดหลักธรรมาภิบาลและให้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ระยะ 4 ปี ดังหลักฐานที่ 5.2-6(2) ทางคณะฯ จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำแผนบริหารและการพัฒนาบุคลากร ประจำปี พ.ศ.2564 ดังหลักฐานที่ 5.2-6(3) ซึ่งทางคณะ
ได้ดำเนินการจัดโครงการตามแผนพัฒนาบุคลากร ประจำปี พ.ศ. 2564 เพื่อพัฒนาบุคลากรสายวิชาการและสายสนับสนุนดังนี้

       1. โครงการพัฒนาบุคลากร (การพัฒนาการเรียนการสอนด้วยสื่อออนไลน์ของบุคลากรทางการศึกษาในยุควิกฤตการณ์โควิด - 19) ซึ่งโครงการดังกล่าวได้มุ่งเน้นให้บุคลากรสายวิชาการได้มีการปรับตัว
และพัฒนาการเรียนการสอนด้วยสื่อออนไลน์ ตามยุควิกฤตการณ์โควิค – 19 ดังหลักฐานที่ 5.2-6(4)

       2.  โครงการการจัดการเรียนรู้ (การเขียนตำราเพื่อขอตำแหน่งทางวิชาการตามเกณฑ์ใหม่
และแลกเปลี่ยนความรู้การจัดทำแผนพัฒนากลยุทธ์)
  โดยส่งเสริมให้สร้างกระบวนการเรียนรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบของบุคลากรในคณะฯ, สังเคราะห์องค์ความรู้ของบุคลากรให้เป็นระบบ และบูรณาการการจัดการความรู้สู่การพัฒนางานที่ปฏิบัติจริง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา
แผนยุทธศาสตร์การพัฒนา คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี
ดังหลักฐานที่ 5.2-6(5)

       ทั้งนี้ทางคณะบริหาธุรกิจและการบัญชี ได้สนับสนุนให้บุคลากรทางการศึกษาได้เข้าศึกษาต่อ
ในระดับที่สูงขึ้น โดยในปีการศึกษา 2563 มีบุคลากรที่สำเร็จการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น จำนวน
2 ท่าน ได้แก่

  1. ดร.ศิริกร อัตไพบูลย์  ตำแหน่ง อาจารย์ประจำสาขาวิชาการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ

สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอก (Doctor of Business Administration) สาขา InternationalBusiness จาก California International Business University อนุมัติเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2562 (ยืนปรับวุฒิการศึกษา วันที่ 21 สิงหาคม 2563) ดังหลักฐานที่ 5.2-6(6)

  1. ดร.พิชญาพร ศรีบุญเรือง ตำแหน่ง อาจารย์ประจำสาขาวิชาการท่องเที่ยวและการโรงแรม

สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอก (ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต) สาขาการจัดการท่องเที่ยว
จากมหาวิทยาลัยนเรศวร อนุมัติเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ดังหลักฐานที่
5.2-6(7)

        คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้บุลากรสายวิชาการเข้าสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีได้รับอนุมัติให้บุคลากรดำรงตำแหน่ง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยมติสภามหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
จำนวน 2 ราย ได้แก่

  1. ดร.ญาณิศา   ศรีบุญเรือง   ตำแหน่ง อาจารย์ประจำสาขาวิชาการบัญชี

ดำรงตำแหน่งเป็น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาวิชาการบัญชี (6801)  ดังหลักฐานที่ 5.2-6(8)

  1. อาจารย์สุดาทิพย์  เกษจ้อย ตำแหน่ง อาจารย์ประจำสาขาวิชาการบัญชี

ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาวิชาการบัญชี (6801)  ดังหลักฐานที่ 5.2-6(9)

 

     3. อาจารย์ศิริกมล ประภาสพงษ์ ตำแหน่ง รองคณบดีฝ่ายวิชาการดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาวิชาสาขาวิชาบริหารธุรกิจ ดังหลักฐานที่ 5.2-6(13)

ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาวิชาการบัญชี (6801)  ดังหลักฐานที่ 5.2-6(9)

       คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ได้ส่งเสริมให้คณาจารย์และบุคลากรจัดทำงานวิจัยของคณะฯ
โดยทางคณะฯ ได้จัดสรรงบประมาณในการจัดทำวิจัยให้บุคณาจารย์และบุคลากรที่สนใจ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ได้มีบุคลากรที่สนใจได้เสนอเรื่องจะจัดทำวิจัยประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จำนวน 9 เรื่อง ดังหลักฐานที่
5.2-6(10) อีกทั้งส่งเสริมบุคลากรได้พัฒนาตนเอง ในเรื่องของการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 มีบุคลากรที่กำลังศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น จำนวน 1 ราย คือ อาจารย์พรหมลิขิต อุรา อาจารย์ประจำสาขาวิชาการท่องเที่ยวและการโรงแรม ซึ่งกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก สาขาวิชาการจัดการท่องเที่ยวและการโรงแรม ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ดังหลักฐานที่
5.2-6(11) และส่งเสริมให้บุคลากรสายสนับสนุนให้เข้าร่วมโครงการ “การเขียนแบบประเมินค่างานเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นของสายสนับสนุน” โดยมอบหมายให้นางสาววิชุดา เติมสุข ตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ในวันที่ 16 มิถุนายน 2564 ณ ห้องอบรมราชมรรคา ชั้น 2 อาคารเฉลิมพระเกียรติในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ซึ่งการอบรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบถึงหลักเกณฑ์ วิธีการเขียนวิเคราะห์
ค่างานเพื่อกำหนดระดับตำแหน่งที่สูงขึ้นของบุคลากรสายสนับสนุน
ดังหลักฐานที่ 5.2-6(12)

       ทั้งนี้คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ได้มีการดำเนินการติดตามผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาบุคลากรผ่านที่ประชุมคณะกรรมการบริหารคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี และนำผลที่ได้จากการประเมินนำไปพัฒนาปรับปรุงแผนการบริหารและพัฒนาบุคลากรให้มีความเหมาะสมต่อไป

7 ดำเนินงานด้านการประกันคุณภาพการศึกษาภายในตามระบบและกลไกที่เหมาะสมและสอดคล้องกับพันธกิจและพัฒนาการของคณะที่ได้ปรับให้การดำเนินงานด้านการประกันคุณภาพเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารงานคณะตามปกติที่ประกอบด้วย การควบคุมคุณภาพ การตรวจสอบคุณภาพ และการประเมินคุณภาพ

      คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มีระบบกลไกการติดตามการดำเนินการประกันคุณภาพหลักสูตรของคณะ โดยดำเนินการตามมาตรฐานการประกันคุณภาพในทุกองค์ประกอบตามมาตรฐานการประกันคุณภาพของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และมหาวิทยาลัยกลุ่มราชภัฏ โดยเน้นระบบการประกันคุณภาพการศึกษาที่ก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตามพันธกิจหลักของมหาวิทยาลัย ประกอบด้วย

     1. การแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับติดตามตัวบงชี้ ตามระบบการประกันคุณภาพของคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ประจำปีการศึกษา 2563

     2. กำหนดกรอบการดำเนินงานด้านการประกันคุณภาพการศึกษา โดยการจัดทำคู่มือการประกันคุณภาพการศึกษาของวิทยาลัยกฎหมายและการปกครอง ประจำปีการศึกษา 2563 ที่ประกอบด้วยแนวทางการดำเนินงานการประกันคุณภาพระดับหลักสูตรและระดับคณะ พร้อมด้วยระบบกลไกต่างๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานการประกันคุณภาพให้สำเร็จลุล่วงและเกิดประสิทธิภาพทั้งในระดับหลักสูตรและระดับคณะ

     3. การจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี(Improvement Plan) โดยนำผลการประเมินคุณภาพจากวงรอบปีการศึกษา 2562 มาเป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนพัฒนางานในด้านต่างๆ ให้ครอบคลุมภาระงานด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในระดับหลักสูตรและระดับคณะ และขับเคลื่อนงานให้เป็นไปตามปฏิทินการดำเนินงานที่วางไว้ ซึ่งแผนฯ ดังกล่าว ได้ผ่านการพิจารณาจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารคณะ ครั้งที่ 3/2563 วันที่ 26 สิงหาคม 2563

     4. คณะฯ ได้มีการส่งเสริมให้อาจารย์เข้าร่วมโครงการอบรมหลักสูตรสำหรับการเป็นผู้ประเมินการศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร ที่หน่วยมาตรฐานปละงานประกันคุณภาพ มหาวิยาลัยราชภัฏได้จัดขึ้น ในวันที่ 7 -8 เมษายน 2564 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในระยะต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

     5. คณะกรรมการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษามีการประชุมคณะกรรมการงานประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อปรึกษาหารือ วางแผน ติดตามผลและสรุปผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

     6. คณะกรรมการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาได้กำกับ ติดตามการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษา ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารประจำคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี และรายงานต่อคณะกรรมการประจำคณะ ติดตามการดำเนินงาน รวมถึงการได้รับข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อนำมาบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพ

     7. คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี จัดให้มีการประเมินคุณภาพการศึกษาภายในระดับหลักสูตร ประจำปีการศึกษา 2563 ในทุกหลักสูตร จำนวนทั้งสิ้น 8 หลักสูตร โดยผลการประเมินจากคณะกรรมการดังนี้

าขาวิชา

ผลคะแนนประเมิน (ปี)

2561

2562

2563

สาขาวิชาการบัญชี

3.46

3.61

4.00

สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ

3.68

3.74

3.94

สาขาวิชาการท่องเที่ยวและการโรงแรม

3.51

3.37

3.98

สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์การเงินการคลัง

2.68

2.97

3.61

สาขาวิชาการจัดการธุรกิจการค้าสมัยใหม่

-

-

3.06

สาขาวิชาการจัดการ

3.31

3.43

3.56

สาขาวิชาการตลาด

3.45

3.48

3.53

สาขาวิชาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ

3.20

3.47

3.69

คะแนนเฉลี่ยรวมระดับคณะ

(ผลการบริหารจัดการในหลักสูตร)

3.33

3.44

3.67

 

ผลการดำเนินงาน

ปีการศึกษา 2561 ผลการประเมิน 3.33

ปีการศึกษา 2562 ผลการประเมิน 3.44

ปีการศึกษา 2563 ผลการประเมิน 3.67

 

       ซึ่งจากการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานตั้งแต่ปีการศึกษา 2561– 2563 พบว่าผลการดำเนินงานด้านการประกันคุณภาพการศึกษามีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งคณะกรรมการดำเนินงานด้านการประกันคุณภาพการศึกษาได้มีการรายงานผลการดำเนินงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการประจำคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี เพื่อให้การประเมินคุณภาพภายในระดับหลักสูตรมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ผลคะแนนการประเมินตนเอง
ทำได้ (ข้อ) ได้คะแนน
7 5